นายธีรชัย ลีนะบรรจง กรรรมการผู้จัดการ สายพัฒนาธุรกิจและกิจการองค์กร บมจ.เอื้อวิทยา (UWC) เปิดเผยว่า โรงไฟฟ้าชีวมวล จ.บุรีรัมย์ ทั้ง 2 โครงการ คือ โรงไฟฟ้า สตึก ไบโอแมส กำลังการผลิตติดตั้ง 7.5 เมกะวัตต์ ได้ขายไฟให้กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคแล้ว ตั้งแต่วันที่ 20 มิ.ย.60 และโรงไฟฟ้า ยูดับบลิวซี อำพัน ไบโอแมส กำลังการผลิตติดตั้ง 9.5 เมกะวัตต์ ได้ขายไฟแล้วตั้งแต่วันที่ 7 ส.ค.60 ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าชีวมวลโครงการที่ 2 และ 3 ของบริษัทฯ หลังจากโรงไฟฟ้าชีวมวล ยูดับบลิวซี โกเมน ไบโอแมส จ.นครราชสีมา กำลังการผลิต 9.9 เมกะวัตต์ โครงการแรกที่ขายไฟแล้วตั้งแต่ปลายปี 58
ตั้งแต่บริษัทฯ ได้เข้าลงทุนในโรงไฟฟ้าบุรีรัมย์ทั้ง 2 โครงการในปี 59 ที่ผ่านมา บริษัทฯมีภาระค่าใช้จ่ายจำนวนมาก ทั้งในด้านการปรับปรุงโรงไฟฟ้า ต้นทุนทางการเงิน และค่าเสื่อมราคาของทั้ง 2 โครงการตลอดมา ในขณะที่ยังไม่มีรายรับจากการขายไฟ เนื่องจากต้องใช้เวลาในการปรับปรุงใหญ่ และต้องรอกระบวนการด้านใบอนุญาตจากภาครัฐที่ล่าช้ากว่าที่คาดการณ์ไว้มาก จึงมีส่วนสำคัญทำให้บริษัทฯ มีผลขาดทุนในช่วงที่ผ่านมา
ปัจจุบัน บริษัทฯ สามารถขายไฟได้ครบทั้ง 3 โครงการแล้ว รวม 22.5 เมกะวัตต์ ซึ่งจะทำให้รายได้ในธุรกิจโรงไฟฟ้าเพิ่มขึ้นกว่า 60% จากปีก่อน และบริษัทฯ คาดว่าจะมีรายได้รวมทั้งธุรกิจพลังงานและธุรกิจเสาส่งไฟฟ้าแรงสูงในปี 60 เติบโตขึ้นประมาณ 30%
โรงไฟฟ้า สตึก ไบโอแมส และ โรงไฟฟ้า ยูดับบลิวซี อำพัน ไบโอแมส ทั้ง 2 โครงการที่อยู่ในจังหวัดบุรีรัมย์นี้ เป็นโรงไฟฟ้าที่ตั้งอยู่บนพื้นที่ติดกัน ทำให้การบริหารจัดการโรงไฟฟ้าทั้ง 2 แห่ง เป็นไปอย่างสะดวกและมีประสิทธิภาพ ทั้งด้านการบริหารโรงไฟฟ้าและการจัดการเชื้อเพลิง
ทั้งนี้ โรงไฟฟ้าชีวมวลของ UWC ทั้ง 3 โครงการ ยังคงมีสิทธิประโยชน์ทางภาษีจาก BOI โดยโรงไฟฟ้าโกเมนฯ จังหวัดโคราช ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้ฯ 100% ถึงปี 62 โรงไฟฟ้า สตึก ไบโอแมส ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้ฯ 50% จนถึงปี 62 และโรงไฟฟ้ายูดับบลิวซี อำพัน ไบโอแมส ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้ฯ 50% จนถึงปี 64