อย่างไรก็ตามเบื้องต้นสัญญาการซื้อขายก๊าซฯใหม่จะปรับลดลงจากเดิม หลังจากที่คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) มีมติให้กฟผ.เป็นผู้นำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ผ่านคลังบมจ.ปตท. (PTT) ในปริมาณ 1.5 ล้านตัน/ปี ตั้งแต่ปี 61 ซึ่งคิดเป็นปริมาณก๊าซฯราว 210 ล้านลูกบาศก์ฟุต/วัน ก็จะคงเหลือปริมาณรับซื้อก๊าซฯราว 1,000 ล้านลูกบาศก์ฟุต/วัน อย่างไรก็ตามยังมีส่วนที่ความต้องการใช้ไฟฟ้าลดลง และความต้องการก๊าซฯก็ต่ำกว่าแผนราว 200-300 ล้านลูกบาศก์ฟุต/วันด้วย
"ต้องประเมินใหม่ว่าสัญญาซื้อขายระยะยาวจะเป็นเท่าไหร่ ซึ่งเรากำลังรอแผน GAS PLAN และแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าระยะยาว (PDP) ฉบับปรับปรุงใหม่ของกระทรวงพลังงานว่าจะออกมาเป็นอย่างไร แล้วจะนำมาเจรจากับปตท.ในการทำสัญญาซื้อขายก๊าซฯระยะยาวฉบับใหม่ว่าจะอยู่ในอัตราเท่าใด"นายถาวร กล่าว
นายถาวร กล่าวอีกว่า การนำเข้า LNG ของกฟผ.ปริมาณ 1.5 ล้านตันในปี 61 นั้น จะเป็นการนำเข้าจากตลาดจร (spot) เพื่อนำมาใช้ในโรงไฟฟ้าบางปะกง วังน้อย และพระนครใต้ ซึ่งปัจจุบันราคา LNG ในตลาด spot อยู่ในระดับต่ำซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภค ส่วนแผนการสร้างคลัง LNG ในรูปแบบเรือลอยน้ำ FSRU (Floating Storage Regisification Unit) ขนาด 5 ล้านตัน/ปีในพื้นที่ภาคใต้นั้น ขณะนี้รอความชัดเจนว่ารัฐบาลจะให้ใครเป็นผู้ลงทุน ซึ่งหากกฟผ.ได้รับมอบหมายให้ดำเนินการ ก็ยืนยันว่ามีเงินลงทุนที่จะดำเนินการได้ และการที่มีผู้นำเข้า LNG มากรายนั้นก็จะทำให้เกิดประโยชน์ต่อผู้บริโภคเพราะต้นทุนค่าไฟฟ้าจะต่ำลง