นายฤทธี กิจพิพิธ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.สแกน อินเตอร์ (SCN) เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/60 (เมษายน-มิถุนายน 2560) บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 55.64 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17% เมื่อเทียบกับไตรมาสแรกที่ผ่านมาที่มีกำไรสุทธิ 47.58 ล้านบาท และมีรายได้รวม 580.33 ล้านบาท ซึ่งมาจากธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับก๊าซธรรมชาติที่สร้างรายได้อย่างสม่ำเสมอ (Recurring Income) มีอัตราขยายตัวที่ดี โดยเฉพาะธุรกิจ iCNG ธุรกิจก๊าซธรรมชาติอัดสำหรับโรงงานอุตสาหกรรม มียอดขายเติบโตมากกว่า 90% เนื่องจากมีปริมาณจำหน่ายก๊าซให้แก่โรงงานอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นทั้งจากฐานลูกค้ารายใหม่และลูกค้ารายเดิมเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
ขณะที่กลุ่มธุรกิจสถานีก๊าซธรรมชาติ NGV สำหรับยานยนต์ ที่ปัจจุบันเปิดให้บริการอยู่ 7 แห่ง มีกำลังการผลิตรวม 290,000 กิโลกรัมต่อวัน ยังทำยอดขายได้ดี เนื่องจากยังมีความต้องการใช้ก๊าซธรรมชาติ NGV เป็นเชื้อเพลิงในภาคขนส่งอย่างต่อเนื่อง เช่นเดียวกับธุรกิจพลังงานหมุนเวียนก็สามารถสร้างรายได้อย่างสม่ำเสมอเข้ามาช่วยสนับสนุนการเติบโตผลการดำเนินงานในไตรมาสนี้
ส่วนผลการดำเนินงานในรอบครึ่งปีแรกของปีนี้ (มกราคม-มิถุนายน 2560) มีรายได้รวม 1,284 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเล็กน้อย เมื่อเทียบกับครึ่งปีแรกของปีที่ผ่านมา ที่มีรายได้รวม 1,258 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 103.22 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาที่มีกำไรสุทธิ 153 ล้านบาท เนื่องจากยังได้ปรับแผนบริหารจัดการโดยการโยกย้ายบุคลากรมาเร่งดำเนินการก่อสร้างสถานีบริการก๊าซธรรมชาติ NGV สำหรับยานยนต์ ที่ SCN เป็นผู้ลงทุน เพื่อสร้างรายได้ประจำที่เกิดขึ้นในอนาคต ทำให้ในช่วงที่ผ่านมาการรับงานในส่วนของธุรกิจ EPC หรือ ธุรกิจออกแบบ ผลิต รับเหมา ติดตั้งและซ่อมบำรุงอุปกรณ์ก๊าซ NGV ไม่มากนัก
“การเติบโตที่ดีขึ้นในไตรมาส 2/60 มาจากรายได้ที่เกี่ยวเนื่องกับก๊าซธรรมชาติที่สร้างรายได้ประจำมีอัตราการเติบโตที่ดีขึ้น และสร้างความมั่นคงให้แก่ผลการดำเนินงานได้ดีขึ้นกว่าช่วงไตรมาสแรก โดยเฉพาะธุรกิจ iCNG ที่มีปริมาณการขายเพิ่มขึ้นมากอย่างมีนัยสำคัญ ส่งผลดีต่อภาพรวมผลการดำนินงานครึ่งปีแรกให้สามารถทำรายได้เพิ่มขึ้นเป็น 1,284 ล้านบาท ซึ่งเป็นตัวเลขที่น่าพอใจ เนื่องจากในช่วงไตรมาสนี้เราไม่ได้รับงาน EPC มากนัก เนื่องจากเราต้องใช้ทรัพยากรขององค์กรที่มีอยู่เพื่อขยายธุรกิจก่อสร้างสถานีบริการก๊าซธรรมชาติ NGV สำหรับยานยนต์ของเราเอง ที่สร้างความมั่นคงด้านรายได้ที่ดีกว่าในอนาคตให้แก่องค์กร" นายฤทธี กล่าว
สำหรับแนวโน้มธุรกิจครึ่งปีหลังของปีนี้ คาดว่าความต้องการใช้ก๊าซธรรมชาติ NGV จะปรับตัว หลังจากผู้บริโภคเริ่มกลับมาใช้ก๊าซธรรมชาติ NGV เป็นเชื้อเพลิงในภาคการขนส่งเพิ่มขึ้น เนื่องจากมีความเข้าใจในโครงสร้างราคาเชื้อเพลิงว่า ก๊าซธรรมชาติ NGV เป็นเชื้อเพลิงที่มีราคาถูกที่สุดเมื่อเทียบกับเชื้อเพลิงประเภทอื่นๆ โดยประเมินว่า กลุ่มรถขนส่งในภาคอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ จะมีปริมาณการใช้ก๊าซธรรมชาติ NGV เพิ่มขึ้น ตามทิศทางเศรษฐกิจที่จะขยายตัวดีขึ้น
ขณะที่ธุรกิจก๊าซธรรมชาติอัดสำหรับอุตสาหกรรมหรือ iCNG ในช่วงที่เหลือจะเติบโตขึ้นเช่นกัน เนื่องจากได้เพิ่มปริมาณการส่งก๊าซให้แก่โรงงานอุตสาหกรรมทั้งลูกค้าเก่าและลูกค้าใหม่ ซึ่งจะส่งผลดีต่อภาพรวมผลการดำเนินงานทั้งปี ส่วนธุรกิจออกแบบ ผลิต รับเหมา ติดตั้งและซ่อมบำรุงอุปกรณ์ก๊าซ NGV ในช่วงที่เหลือของปีนี้ บริษัทฯ จะรับงานก่อสร้างและบำรุงรักษาสถานีก๊าซธรรมชาติ NGV สำหรับยานยนต์ให้แก่ลูกค้าเพิ่มเติม ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ในครึ่งปีหลังและช่วยสนับสนุนผลการดำเนินงานของ SCN ให้เติบโตได้ดีอีกด้วย
ส่วนความคืบหน้าความร่วมมือกับ ‘โซจิทสึ คอร์ปอเรชั่น’ เพื่อการรุกตลาดผลิตภัณฑ์อุปกรณ์ที่เกี่ยวกับก๊าซธรรมชาติอย่างครบวงจรในอินโดนีเซียนั้น ปัจจุบันได้รับความสนใจจากลูกค้าสอบถามข้อมูลรายละเอียดนวัตกรรม CNG TYPE IV หรือ ถังบรรจุก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์ ซึ่งคาดว่าจะสามารถส่งไปจำหน่ายได้ภายในปลายปีนี้
“เรามุ่งหวังสร้างความมั่นคงด้านรายได้จากธุรกิจที่ก่อให้เกิดรายได้อย่างต่อเนื่อง (Recurring Income) ที่เป็นรายได้ประจำ ซึ่งเชื่อว่ากลุ่มธุรกิจนี้ ยังขยายตัวได้ดีในครึ่งปีหลัง จากความต้องการใช้ก๊าซธรรมชาติ NGV เป็นเชื้อเพลิงที่จะเพิ่มขึ้น และเมื่อรวมกับรายได้จากงาน EPC ที่จะเข้ามาในช่วงที่เหลือของปีนี้ เชื่อว่าจะทำให้ผลการดำเนินงานในปีนี้เติบโตได้ตามแผนที่วางไว้" นายฤทธี กล่าว