นายมนตรี ศรไพศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) (MBKET) คาดว่า ส่วนแบ่งการตลาด (มาร์เก็ตแชร์) ธุรกิจนายหน้าค้าหลักทรัพย์ในปีนี้จะลดลงมาอยู่ที่ระดับ 7-7.5% ต่ำกว่าเป้าหมายเดิมที่ 8-9% เนื่องจากได้รับผลกระทบจากการถูกดึงตัวมาร์เก็ตติ้งไปกว่า 200 ราย ส่งผลให้บริษัทมีเจ้าหน้าที่การตลาดเหลือเพียง 600 ราย
แต่อย่างไรก็ตาม ปัญหาที่เกิดขึ้นนั้นปัจจุบันเริ่มนิ่งขึ้น และผลกระทบลดลงไปมากแล้ว ขณะที่การออกบทวิเคราะห์ต่างๆ ยังดำเนินการได้ตามปกติ และบริษัทก็ยังมีการบริหารงานที่ดี โดยกลุ่มเมย์แบงก์ยืนยันว่าให้ความสำคัญกับธุรกิจในประเทศไทย และบริษัทแม่ในต่างประเทศยืนยันมาแล้วว่าพร้อมสนับสนุนอย่างเต็มที่
สำหรับรายได้ปีนี้ก็คงจะต่ำกว่าปีก่อนที่มีรายได้ 3,671.40 ล้านบาท เนื่องจากอุตสาหกรรมโบรกเกอร์ซบเซาลงอย่างมาก เนื่องจากดัชนีตลาดหุ้นไทยแกว่ง sideway ทำให้การซื้อขายแบบเก็งกำไรลดลง ส่งผลให้ภาพรวมมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันในตลาดหลักทรัพย์ลดลงมาอยู่ที่ 4.5 หมื่นล้านบาท จากปีก่อนอยู่ที่ 5.2 หมื่นล้านบาท ขณะที่การแข่งขันค่อนข้างสูง โดยปีนี้บริษัทคาดว่าจะมีสัดส่วนรายได้จากค่านายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์อยู่ที่ 61% ลดลงจากปีก่อนที่ 70.60%
นายมนตรี กล่าวอีกว่า อีกส่วนงานหนึ่งที่จะเข้ามาช่วยให้ผลประกอบการของบริษัทฯยังมีทิศทางที่ดีคือ งานด้านวาณิชธนกิจ (IB) ที่ปัจจุบันบริษัทมีงานที่ปรึกษาทางการเงินในการซื้อกิจการอีก 1-2 ดีล คาดว่าจะมีข้อสรุปภายในปีนี้ นอกจากนี้ ยังมีงานที่ปรึกษาทางการเงินในการนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์อีก 10-15 ดีล คาดว่าจะสามารถนำเข้าจดทะเบียนได้ทันภายในปลายปีนี้ราว 2-3 บริษัท
สำหรับการเปิดประมูลหุ้น บมจ. อินเตอร์ ฟาร์อีสท์ เอ็นเนอร์ยี่ คอร์ปอเรชั่น (IFEC) รอบที่ 2 ในวันพรุ่งนี้(10 ส.ค.) เวลา 10.00 น. นั้นบริษัทฯยังไม่สามารถบอกได้ว่าจะได้รับผลตอบรับดีหรือไม่ แต่หากไม่ได้รับการตอบรับที่ดี บริษัทฯจะยังคงเปิดประมูลในรอบที่ 3 ต่อไปอีก แต่อาจจะปรับราคาเริ่มประมูลลงอีก