นายกิจพล ไพรไพศาลกิจ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์และนักกลยุทธ์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่งตัวในกรอบแคบอยู่ เนื่องจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรของสหรัฐฯ (Bond Yield) อายุ 10 ปี ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นได้สร้างความกดดันต่อความน่าสนใจของการลงทุนในหุ้น
แม้ว่ายังมีความกังวลสถานการณ์ในคาบสมุทรเกาหลี แต่ผลตอบแทนจากพันธบัตรของสหรัฐฯก็ปรับตัวขึ้นมาได้ แต่เช้านี้ดีดตัวขึ้นมาได้บ้างแล้ว ขณะที่ปัจจุบันหุ้นอยู่ในระดับที่สูงแล้ว และระยะสั้นคงจะไม่ได้เห็นการปรับประมาณการเพิ่มขึ้นด้วย ดังนั้น นักลงทุนจึงอาจปรับพอร์ตการลงทุนในระยะสั้นได้ นอกจากนี้มอง 1 เดือนข้างหน้าตลาดฯอาจมีความผันผวนได้แถว 1,530-1,550 จุด
อย่างไรก็ดี นักลงทุนยังคงเลือกลงทุนหุ้นเป็นรายตัวได้ตามผลประกอบการที่ออกมาดี และมี Valuation ไม่แพง พร้อมให้ถือเงินสดไว้ 30-40% ของพอร์ต เพื่อรอจังหวะในการซื้อหุ้นที่ราคาปรับตัวลงมามาก
ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบ นอกประเทศเวลานี้ก็ยังไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามา แต่ก็ให้ติดตามตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐฯ และทิศทางผลตอบแทนพันธบัตร
พร้อมให้กรอบการแกว่งไว้ที่ 1,568-1,577 จุด
ประเด็นการพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (9 ส.ค.60) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 22,048.70 จุด ลดลง 36.64 จุด (-0.17%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 6,352.33 จุด ลดลง 18.13 จุด (-0.28%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,474.02 จุด ลดลง 0.90 จุด (-0.04%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 53.74 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 5.84 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 34.27 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 0.35 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 7.44 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 3.99 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 1.00 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (9 ส.ค.60) 1,571.51 จุด ลดลง 5.93 จุด (-0.38%)
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 851.85 ล้านบาท เมื่อวันที่ 9 ส.ค.60
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ก.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (9 ส.ค.60) ปิดที่ 49.56 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 39 เซนต์ หรือ 0.8%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (9 ส.ค.60) ที่ 7.72 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 33.23 แข็งค่ากว่าภูมิภาค มองกรอบวันนี้ 33.20-33.30 นลท.วิตกสถานการณ์คาบสมุทรเกาหลี
- บอร์ดอีอีซีกางแผนคมนาคมเตรียมเปิด PPP ลงทุนรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบินแบบไร้รอยต่อ 2.8 แสนล้านบาท คาดเชิญชวนเอกชนลงทุนได้ปลายปีนี้ กำหนดค่าโดยสาร 300 บาทต่อเที่ยวสำหรับด่วนพิเศษสุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา และ 500 บาทต่อเที่ยวเส้นทางด่วนพิเศษดอนเมือง-อู่ตะเภา
- ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) เปิดเผยว่า หนี้สาธารณะของประเทศล่าสุด ณ วันที่ 30 มิ.ย. 2560 อยู่ที่ 6.18 ล้านล้านบาท หรือ 41.54% ของจีดีพี เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหนี้สาธารณะลดลง 1.62 แสนล้านบาท
- รมว. คลัง เผยยังไม่เห็นรายละเอียดมาตรการภาษีสนับสนุนการท่องเที่ยว ที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เตรียมเข้าหารือกับกระทรวงการคลัง ว่าหน่วยงานสามารถศึกษาและเสนอแนะได้ แต่กระทรวงการคลังจะพิจารณาหรือไม่ ต้องขอเวลาศึกษาผลกระทบจากรายได้ภาษีประเภทต่างๆ และการใช้เงินของประเทศ และค่าลดหย่อนจะส่งผลกระทบอย่างไรบ้าง เพราะใช้มาตรการไปแล้วในปีที่ผ่านมา
- ผู้จัดการสมาคมผู้ผลิตไก่เพื่อส่งออกไทย เปิดเผยว่า จากกรณีเจ้าหน้าที่บราซิลรับสินบนจากผู้ประกอบการและปล่อยผ่านให้เนื้อหมดอายุสามารถส่งออกได้ ซึ่งตรวจพบตั้งแต่เดือน มี.ค.ที่ผ่านมา ส่งผลให้หลายประเทศออกประกาศห้ามนำเข้าเนื้อไก่จากบราซิล ซึ่งล่าสุด จีน ญี่ปุ่น สหภาพยุโรป หรืออียู และซาอุดีอาระเบีย ยกเลิกประกาศดังกล่าวแล้ว และเปลี่ยนเป็นห้ามนำเข้าเฉพาะ 21 บริษัทที่มีปัญหาแทน อย่างไรก็ตามจากเหตุการณ์ที่บราซิลจะทำให้ไทยส่งออกไก่ได้มากขึ้น คาดว่าทั้งปีจะได้เกินเป้าหมายที่กำหนดคือ 770,000 ตัน เพิ่มขึ้น 8-9% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา
- ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจทีเอ็มบีชี้ความเชื่อมั่นธุรกิจ SME ครึ่งปีแรกทรงตัว เหตุราคาสินค้าเกษตรตกต่ำกดกำลังซื้อและภาวะเศรษฐกิจซึมยาว แนะผู้ประกอบการพลิกธุรกิจเป็นมืออาชีพเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน
*หุ้นเด่นวันนี้
- THANI (ธนชาต) "ซื้อ"เป้า 6.8 บาท ความต้องการรถบรรทุกเพิ่มหนุนสินเชื่อเติบโตดี 18% ปีนี้ ขณะที่ต้นทุนการเงินต่ำต่อเนื่องจาก credit rating ที่ดีขึ้น หนุนผลการดำเนินงานเติบโต 18% ปีนี้ และ 22% ปีหน้า มองราคาหุ้นปรับสูงขึ้นแกร่ง แต่ยังมีแนวโน้ม outperform ตลาดต่อไป แนวต้านระยะสั้นที่ 6.15 บาท และถัดไปตามกรอบ uptrend channel ที่ 6.8-6.85 บาท ใกล้เคียงเป้าหมายพื้นฐาน
- ADVANC (เคทีบี) เป้า 190 บาท เป็นหนึ่งในหุ้นปลอดภัยในช่วงเวลานี้ ประกาศผลงานช่วง Q2/60 ที่ 7,215 ล้านบาท (-24.8% YoY, -6.2% QoQ) สูงกว่าที่คาดเล็กน้อย พร้อมคาดการณ์กำไรสุทธิปี 60 ที่ 30,062 ล้านบาท (-2.0% YoY) สำหรับภาพรวมทั้งปี จากค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น โดยมองแนวโน้มเติบโตได้ดีในระยะยาว เริ่มตั้งแต่ช่วงปี 61 เป็นต้นไป จากการคาดการณ์การแข่งขันในอุตสาหกรรมที่เบาบางลง
- MINT (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 43 บาท กำไรสุทธิ 2Q60 อยู่ที่ 737 ลบ. -62% Q-Q, +1% Y-Y หากตัดรายการปรับลดมูลค่าเงินลงทุน กำไรปกติยังโต 24% Y-Y แม้รายได้ชะลอตามฤดูกาล และค่าใช้จ่าย SG&A จะเร่งตัวขึ้น แต่ถูกชดเชยได้ทั้งหมดจากอัตรากำไรขั้นต้นที่ขยายตัวในทุกธุรกิจ คาดกำไรจะโตทั้ง Q-Q และ Y-Y ตลอด 3 ไตรมาสข้างหน้า จาก High Season ของโรงแรมในโปรตุเกสและต่อเนื่องด้วย High Season ของในประเทศ