นายสมพล เอกธีรจิตต์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.ลีซ อิท (LIT) เปิดเผยว่า บริษัทมั่นใจภาพรวมผลการดำเนินงานปีนี้จะเป็นไปตามแผนที่วางเอาไว้ โดยตั้งเป้าขยายพอร์ตลูกหนี้สินเชื่อรวมให้ไปถึง 2,200 ล้านบาท และกำหนดเป้าหมายการปล่อยสินเชื่อ 10,000 ล้านบาท ซึ่งจะช่วยผลักดันรายได้เติบโตไม่ต่ำกว่าเป้าหมาย 30% และช่วยผลักดันให้รายได้ ,สินเชื่อ และกำไร ของบริษัททำสถิติสูงสุดใหม่อย่างต่อเนื่อง สร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้น
แนวโน้มการปล่อยสินเชื่อในช่วงครึ่งหลังของปี 60 คาดว่าจะเติบโตอย่างแข็งแกร่งจากความต้องการสินเชื่อที่เพิ่มขึ้นของผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ซึ่งกลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่ของบริษัทเป็นคู่ค้าของภาครัฐ ซึ่งได้รับประโยชน์จากการเร่งขยายการลงทุนของภาครัฐ อย่างไรตามบริษัทยังคงให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการความเสี่ยง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ซึ่งเห็นได้จาก NPL ในไตรมาส 2/60 อยู่ที่ระดับ 4.34% ซึ่งบริษัทตั้งสำรองเผื่อหนี้สงสัยจะสูญในไตรมาส 2/60 เป็น 3.08% ของยอดลูกหนี้คงเหลือ
ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/60 บริษัทมีรายได้รวม 100.66 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 47.55% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 36.60 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 45.82% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมียอดปล่อยสินเชื่อใหม่กว่า 2,694 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 38.58% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
"ผลประกอบการในไตรมาส 2/60 ที่เติบโตขึ้นอย่างโดดเด่น ได้รับปัจจัยหนุนจากการเดินหน้าขยายฐานลูกค้า และ LIT มีโปรดักท์สินเชื่อที่ครอบคลุมทุกความต้องการของลูกค้าเอสเอ็มอี ซึ่งมีดีมานด์สินเชื่อเพิ่มขึ้น เพื่อเข้าไปรับงานของภาครัฐ ที่มีการขยายการลงทุนโครงการขนาดใหญ่เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ"นายสมพล กล่าว
นายสมพล กล่าวว่า บริษัทมีจุดแข็งในด้านของการปล่อยสินเชื่อได้อย่างรวดเร็ว ให้วงเงินสูง ไม่ใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน และมีสินเชื่อที่ตอบโจทย์ความต้องการของเอสเอ็มอีที่ทำงานภาครัฐ เช่น สินเชื่อเพื่อออกหนังสือค้ำประกันซองประมูล (Bid Bond) สินเชื่อเพื่อสนับสนุนโครงการ (Project Backup Finance) และบริการรับซื้อหนี้ทางการค้า (Factoring) ทำให้ลูกค้าพึงพอใจและกลับมาใช้บริการสินเชื่อของบริษัทอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ บริษัทเตรียมออกหุ้นกู้ 300 ล้านบาท อายุ 2.5 ปี ดอกเบี้ย 6% จ่ายดอกเบี้ยทุก 3 เดือน ตลอดอายุหุ้นกู้ เสนอขายให้กับนักลงทุนสถาบันและรายใหญ่ ระหว่างวันที่ 16-21 สิงหาคม 60 นี้ เพื่อนำไปใช้เป็นทุนหมุนเวียนของบริษัทสำหรับการขยายพอร์ตและสำหรับดำเนินงานเพื่อรองรับการปล่อยสินเชื่อเพื่อสนับสนุนโครงการภาครัฐและบริษัทเอกชนขนาดใหญ่ ตามเป้าหมาย 10,000 ล้านบาท และเป็นการนำบางส่วนไปบริหารจัดการความเสี่ยงในเรื่องของตั๋วแลกเงินระยะสั้น (B/E) อีกทั้ง ยังช่วยลดต้นทุนดอกเบี้ยให้กับบริษัทด้วย