MONO ปรับลดเป้ารายได้ปีนี้รับผลกระทบช่วงพระราชพิธีสำคัญ แต่มั่นใจพลิกมีกำไร-เล็งล้างขาดทุนสะสมปีหน้า

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday August 10, 2017 17:28 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายนวมินทร์ ประสพเนตร ประธานเจ้าหน้าที่การตลาด บมจ.โมโน เทคโนโลยี (MONO) เปิดเผยว่า บริษัทได้ปรับลดเป้าหมายรายได้รวมในปีนี้ลดลงมาอยู่ที่ 3 พันล้านบาท จากเดิมตั้งเป้าไว้ที่ 3.3 พันล้านบาท เนื่องจากบริษัทประเมินผลกระทบจากปัจจัยในประเทศในช่วงต้นไตรมาส 4/60 อาจส่งผลต่อรายได้ค่าโฆษณาของช่อง MONO29 ราว 50-60 ล้านบาท จากปกติอยู่ที่ 160-170 ล้านบาท/เดือนในช่วงเดียวกันของปีก่อน ทำให้บริษัทต้องเพิ่มความระมัดระวังในเรื่องการโฆษณา ประกอบกับ บริษัทได้เลื่อนฉายภาพยนตร์ไทย 1 เรื่องไปเป็นช่วงไตรมาส 1/61 ทำให้มีผลต่อการประมาณการรายได้ในปีนี้เช่นกัน

อย่างไรก็ตาม แนวโน้มรายได้ในช่วงไตรมาส 3/60 บริษัทคาดว่าจะเป็นไตรมาสที่ดีที่สุดของปีนี้ เพราะเป็นช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจทีวีที่จะมีการใช้งบโฆษณามากที่สุด ประกอบกับ ยังมีลูกค้าบางรายเลื่อนการลงโฆษณามาเร็วขึ้นในไตรมาสนี้ ทำให้แนวโน้มของรายได้ธุรกิจทีวีมีความโดดเด่นอย่างมาก โดยคาดว่ารายได้รวมในไตรมาสนี้จะสูงถึงกว่า 700 ล้านบาท เป็นรายได้จากธุรกิจทีวีกว่า 500 ล้านบาท ส่วนที่เหลือเป็นรายได้จากธุรกิจ Subscription และธุรกิจออนไลน์

สำหรับธุรกิจทีวีช่องดิจิตอล MONO29 ปัจจุบันยังคงคอนเซ็ปต์ “ฟรีทีวีที่มีหนังดีซีรีส์ดังมากที่สุด" เรตติ้งปรับขึ้นมาอยู่ในอันดับ 4 ในกลุ่มทีวีดิจิตอล ที่ระดับ 0.8-0.9 ซึ่งบริษัทกำหนดอัตราค่าโฆษณาในปัจจุบันเฉลี่ย 27,000 บาท/นาที

นายนวมินทร์ กล่าวว่า ในช่วงครึ่งปีหลังกลยุทธ์ของช่อง MONO29 จะยังเน้นการฉายหนังและซีรี่ย์ โดยเฉพาะจากต่างประเทศเป็นหลัก โดยเตรียมนำซีรีย์ฟอร์มยักษ์จากค่ายดีซี จำนวน 6 เรื่อง พร้อมกับการนำภาพยนตร์ดัง"ทรานฟอร์เมอร์"ทั้ง 4 ภาคมาเป็นหนังและซีรี่ย์แม่เหล็กที่ดึงดูดผู้ชมและเพิ่มเรตติ้ง รวมทั้งมีโอกาสที่อัตราค่าโฆษณาในช่วงสิ้นปีนี้จะเพิ่มเป็นเฉลี่ยที่ 28,000-30,000 บาท/นาที

นอกจากนั้น แนวโน้มธุรกิจทีวีดิจิตอลช่อง MONO29 ในปี 61 คาดว่าจะได้รับอานิสงส์ในเรื่องการยกเลิกการส่งสัญญาณของระบบอนาล็อก ซึ่งมีผลต่อการทำเรตติ้งให้เพิ่มขึ้นอีก โดยบริษัทคาดหวังว่าเรตติ้งในปีหน้าจะเพิ่มขึ้นมาที่ระดับ 1.0 และมีแนวโน้มที่อัตราค่าโฆษณา จะเพิ่มเป็นเฉลี่ย 30,000-40,000 บาท/นาที สอดคล้องกับทิศทางเรตติ้งที่เพิ่มขึ้น

ด้านธุรกิจ Subscription ที่มีผลิตภัณฑ์ Video on demand ที่อยู่ในแอพพลิเคชั่น MONOMAXXX ยังเห็นการเติบโตของผู้ใช้บริการที่เพิ่มขึ้น โดยปัจจุบันมีส่วนแบ่งตลาด (Market Share) เป็นอันดับที่ 3 ในกลุ่มผู้ให้บริการ Video on demand หรือสัดส่วน 25-35% ซึ่งบริษัทยังคงเพิ่มความหลากหลายของภาพยนตร์และซีรี่ย์ให้เพิ่มขึ้น

และในส่วนของธุรกิจออนไลน์ บริษัทเตรียมเปิดตัวและโปรโมท SEEMEE ซึ่งเป็นรูปแบบ Video Portal ในช่วงเดือน พ.ย.หรือเดือน ธ.ค.นี้เพื่อเป็นการเพิ่มช่องทางการติดตามของผู้ชมที่ติดตามเว็บไซต์ MThai.com ซึ่งมีผู้ติดตามราว 24 ล้านคน โดยจะเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่บริษัทสามารถเพิ่มรายได้ค่าโฆษณาออนไลน์ให้เพิ่มขึ้นและต่อยอดจากเว็บไซต์ MThai.com

ปัจจุบันสัดส่วนรายได้หลักคือธุรกิจทีวี 65-70% ของรายได้รวม และส่วนที่เหลือมาจาก 2 ธุรกิจหลัก คือ ธุรกิจ Subscription และธุรกิจออนไลน์

นายนวมินทร์ กล่าวอีกว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในปีนี้จะพลิกกลับมามีกำไรได้ หลังจากขาดทุนมาอย่างต่อเนื่อง 2 ปีติดต่อกันในปี 58 และ 59 และมองว่าในปีต่อๆ ไปผลการดำเนินงานของบริษัทจะเห็นการเติบโตของกำไร เนื่องจากมีรายได้ค่าโฆษณาธุรกิจทีวีเป็นปัจจัยหนุนสำคัญ หลังจากอัตราค่าโฆษณาปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และมีเรตติ้งเพิ่มขึ้น

ประกอบกับการเติบโตของธุรกิจออนไลน์ยังมีการเติบโตที่ดีอย่างต่อเนื่อง เพราะความนิยมในการใช้งานอินเตอร์เน็ตของประชาชนยังอยู่ในระดับสูง และบริษัทเอเจนซี่โฆษณาต่างๆ หันมาโฆษณาผ่านสื่อออนไลน์เพิ่มขึ้น

ทั้งนี้ หากบริษัทมีกำไรในปีนี้และคาดว่าจะมีกำไรต่อเนื่องไปในปีต่อไป บริษัทก็มีแผนนำกำไรจากการดำเนินงานมาล้างขาดทุนสะสมในงบการเงินรวมที่ปัจจุบันมีอยู่กว่า 600 ล้านบาทให้หมดไปในปี 61 ขณะที่ยังเน้นการควบคุมต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ และตั้งเป้ามีต้นทุนด้านคอนเทนท์ไม่เกิน 800-1,000 ล้านบาท/ปี ซึ่งปัจจุบันภาระต้นทุนคอนเทนท์อยู่ที่เกือบ 500 ล้านบาท

ขณะที่ผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมาบริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ 1.33 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 74.77 ล้านบาท


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ