นายแพทย์สุวิน ไกรภูเบศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.บิวตี้ คอมมูนิตี้ (BEAUTY) เปิดเผยว่า แนวโน้มตลาดเครื่องสำอางในช่วงครึ่งปีหลังเชื่อว่ายังสามารถเติบโตได้ดี เนื่องจากกำลังซื้อของกลุ่มผู้บริโภคยังมีอยู่อย่างต่อเนื่อง และสินค้าของ BEAUTY ทุกแบรนด์ได้รับการตอบรับที่ดีจากกลุ่มผู้บริโภคมากขึ้น
ทั้งนี้ บริษัทมีแผนจะขยายสาขาของทุก Shop Brand โดยตลาดในประเทศมีจำนวนสาขาทั้งสิ้น 333 สาขา โดยแบ่งเป็น BEAUTY BUFFET 251 สาขา BEAUTY COTTAGE 71 สาขา BEAUTY MARKET 11 สาขา โดยเน้นการขยายสาขาออกไปตามต่างจังหวัดและหัวเมืองท่องเที่ยว และการขยายช่องทางการขายอื่นๆ เพื่อรองรับกำลังซื้อจากกลุ่มลูกค้านักท่องเที่ยวทั้งจีนและประเทศอื่นๆ ซึ่งคาดว่าจะมีปริมาณเพิ่มมากขึ้น
ส่วนตลาดต่างประเทศขณะนี้ตัวแทนจำหน่ายของบริษัทในกลุ่มประเทศ CLMV มีนโยบาย relocate พื้นที่เพื่อให้ได้ทำเลที่มี potential ทำให้จำนวนสาขาที่เป็น Independent shop ขณะนี้มีทั้งสิ้น 16 สาขาในประเทศเวียดนาม และมีแผนเพิ่มตัวแทนจำหน่ายในรูปแบบของ non-exclusive distributor ใน 3 ประเทศคือ พม่า ลาว และกัมพูชา ซึ่งขณะนี้ประเทศพม่าได้แต่งตั้งตัวแทนจำหน่ายเรียบร้อยแล้ว ส่วนในประเทศลาวและกัมพูชาอยู่ในระหว่างการพิจารณาของบริษัท คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในไตรมาส 1/61
ส่วนในประเทศฟิลิปปินส์มี 1 สาขาซึ่งเปิดสาขาแรกเมื่อเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา และในครึ่งปีหลังนี้จะมีการขยายสาขาในฟิลิปปินส์เพิ่มอีก 5 สาขา ขณะที่รูปแบบ Shop in shop ปัจจุบันมีด้วยกัน 3 ประเทศ จำนวนทั้งสิ้น 131 สาขา คือ อินโดนีเซีย จำนวน19 สาขา ,ฮ่องกง 93 สาขา และไต้หวัน 19 สาขา ก็ได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี
"บริษัทฯตั้งเป้าหมายรายได้ปีนี้เติบโตไม่น้อยกว่า 20% มีรายได้รวมอยู่ที่ประมาณ 3,100 ล้านบาท และรักษาอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ระดับไม่ต่ำกว่า 20% ซึ่งเราค่อนข้างเชื่อมั่นว่าจากกลยุทธ์การดำเนินงานของบริษัท จะส่งให้ผลประกอบการทั้งปีเติบโตอย่างต่อเนื่องตามเป้าหมายที่วางไว้"นายแพทย์สุวิน กล่าว
สำหรับผลประกอบการงวดไตรมาส 2/60 บริษัทมีรายได้รวม 887.38 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 299.15 ล้านบาท หรือ 50.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 588.23 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 273.18 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 134.46 ล้านบาท หรือ 96.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 138.72 ล้านบาท
ส่วนผลประกอบการงวดครึ่งปีแรกบริษัทมีรายได้รวม 1,574.91 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 456.78 ล้านบาท หรือ 40.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้อยู่ที่ 1,118.13 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 472.84 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 204.89 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 76.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 267.95 ล้านบาท
นายแพทย์สุวิน กล่าวว่า ผลประกอบการที่ปรับตัวดีขึ้นเนื่องจากอัตราการเติบโตของยอดขายจากสาขาเดิม (SSS) ที่มีอยู่ การขยายช่องทางการจำหน่ายทุกรูปแบบ ทั้งเพิ่มสาขาในประเทศและต่างประเทศ ช่องทางจำหน่ายผ่าน Modern Trade ร้านสะดวกซื้อ 7-11 และช่องทางออนไลน์ อี-คอมเมิร์ซ