นางสาวรุ่งฉัตร บุญรัตน์ ประธานผู้บริหารฝ่ายปฏิบัติการ บมจ.มาลีกรุ๊ป (MALEE) เปิดเผยว่า บริษัทคาดรายได้ปี 60 จะสามารถเติบโตได้ประมาณ 5% แม้ผลประกอบการในไตรมาส 2/60 ปรับตัวลดลง เป็นไปตามกำลังซื้อในประเทศที่ชะลอตัว และทิศทางตลาดน้ำผลไม้โดยรวมที่หดตัว
ทั้งนี้ MALEE แจ้งผลประกอบการไตรมาส 2/60 มีกำไรสุทธิ 61.35 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 0.22 บาท เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 142.57 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 0.51 บาท โดยยอดขายรวมอยู่ที่ 1,370 ล้านบาท ลดลง 21% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน และกำไรสุทธิลดลง 57% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน
นางสาวรุ่งฉัตร กล่าวว่า ครึ่งปีหลังนี้บริษัทคาดน่ายอดขายในประเทศของธุรกิจแบรนด์น่าจะฟื้นตัวดีขึ้น จากการกระตุ้นยอดขายตามแผนการตลาด รวมทั้งการเปิดตัวบรรจุภัณฑ์ใหม่"น้ำผลไม้ 100%"ในช่วงไตรมาส 3/60 ซึ่งเป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่มีสัดส่วนยอดขายสูงที่สุดของมาลี และแผนการเปิดตัวผลิตภัณฑ์กลุ่มใหม่ที่จะช่วยขยายฐานลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ ได้มากยิ่งขึ้น
ยอดขายจากต่างประเทศของธุรกิจแบรนด์ ยังคงมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ในอาเซียน รวมถึงประเทศจีน และการเติบโตของยอดขายธุรกิจพัฒนาผลิตภัณฑ์ตามสัญญาและรับจ้างผลิต (CMG) จากสินค้าใหม่และลูกค้ารายใหม่ ตามกลยุทธ์การกระจายความเสี่ยงของบริษัทฯ ทั้งการเพิ่มความหลากหลายของสินค้าและลูกค้า รวมถึงเครื่องจักรใหม่ที่มีเทคโนโลยีที่ดีที่สุด ที่พร้อมเดินการผลิตในไตรมาส 4/60 ซึ่งมีศักยภาพในการผลิตสินค้าได้หลากหลายขึ้น มีประสิทธิภาพการผลิตดีขึ้น และช่วยลดต้นทุนการผลิตสินค้า ส่งผลดีต่อการเพิ่มโอกาสในการหาลูกค้ารายใหม่ หรือสินค้าใหม่เพิ่มเติมจากปัจจุบัน
"แม้ผลประกอบการไตรมาสที่ 2/60 ของบริษัทฯ และบริษัทย่อยจะลดลง แต่เชื่อว่าจะส่งผลกระทบในระยะสั้นเท่านั้น โดยบริษัทฯ จะมุ่งขับเคลื่อนธุรกิจของมาลีกรุ๊ป ให้มีความมั่นคงและยั่งยืน ตามนโยบายประเทศไทย 4.0 ของภาครัฐ ด้วยกลยุทธ์ 4R คือ รีแบรนด์-รีออกาไนซ์-รีโนเวท-รีคอนเนค เพื่อก้าวสู่การเป็นผู้ผลิตอาหารและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพระดับโลกภายในปี 64"นางสาวรุ่งฉัตร กล่าว