นายดีลิป กุมาร์ อากาวาล กรรมการ บมจ.อินโดรามาเวนเจอร์ส (IVL) เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่าผลการดำเนินงานในปีนี้จะทำได้สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้โดยมีรายได้เติบโต 10% และมีกำไรหลักก่อนหักดอกเบี้ย ภาษีนิติบุคคล ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (Core EBITDA) ที่เติบโต 10.5% เนื่องจากในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมาบริษัทมีผลการดำเนินงานที่ออกมาดีกว่าคาด เพราะผลกระทบจากการปิดซ่อมบำรุงโรงงาน EO/EG ไม่มากเท่าที่คิดไว้ในเบื้องต้น
“ภาพรวมผลการดำเนินงานในปีนี้ก็คาดว่าจะออกมาดีกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ตั้งแต่ต้นปี เพราะผลการดำเนินงานครึ่งปีแรกก็ออกมาดีกว่าคาด และครึ่งปีหลังเราก็เชื่อว่าจะดีกว่าครึ่งปีแรก ราคาขายผลิตภัณฑ์ก็สูงขึ้น สเปรดก็เพิ่มขึ้น และความต้องการใช้ก็มีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้น ทำให้ในปีนี้เรามองว่าในตัว Core EBITDA มีโอกาสที่ทำนิวไฮได้"นายดีลิป กล่าว
ปัจจัยสนับสนุนผลประกอบการในงวดครึ่งปีแรกมาจากความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์ PET เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และผู้ผลิต PET ที่เป็นคู่แข่งของบริษัทส่วนใหญ่ชะลอการผลิต ทำให้บริษัทมีความได้เปรียบทางการแข่งขัน แม้ว่าจะมีปัจจัยกดดันผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีแรกของบริษัท คือ การปิดโรงงาน EO/EG ที่ส่งผลกระทบต่อปริมาณ feedstock
ทั้งนี้ IVL แจ้งผลประกอบการไตรมาส 2/60 มีกำไรสุทธิ 2.94 พันล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 0.56 บาท เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 5.95 พันล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 1.18 บาท
"ในช่วงครึ่งปีแรกบริษัทมีความกังวลในเรื่องการปิดปรับปรุงโรงงาน EO/EG ทำให้กดดันในเรื่องกำลังการผลิตที่หายไป และส่งผลกดดันผลต่อผลการดำเนินงานไตรมาส 2/60 ที่ลดลง แต่ผลที่ออกก็ถือว่าออกมาดีกว่าที่เราคาดไว้ เพราะผลิตภัณฑ์ PET เข้ามาสนับสนุน หลังจากที่มีความต้องการใช้เพิ่มขึ้นค่อนข้างมาก และคู่แข่งในอุตสาหกรรมชะลอการผลิต ทำให้บริษัทมีความได้เปรียบทางการแข่งขัน และช่วยหนุนผลการดำเนินงานในครึ่งปีแรกที่ออกมาดีกว่าที่เราคาดไว้ว่าจะออกมาไม่ดี"นายดีลิป กล่าว
ส่วนแนวโน้มในช่วงครึ่งปีหลัง บริษัทคาดว่าผลการดำเนินงานจะสูงกว่าครึ่งปีแรก เพราะในช่วงไตรมาส 3/60 จะเป็นช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจ และการเข้าซื้อบริษัท Glanzstoff ที่จะเข้ามาช่วยเสริมการขยายการเติบโตในกลุ่มยานยนต์และความกว้างผลิตภัณฑ์ ซึ่งจะให้ผลการดำเนินงานไตรมาส 3/60 สูงกว่าไตรมาส 2/60 และช่วงเดียวกันของปีก่อน
ขณะที่ผลการดำเนินงานในไตรมาส 4/60 จะมีความพิเศษกว่าปีอื่นๆ เพราะบริษัทมองว่าจะเป็นไตรมาสที่ดีที่สุดของปีนี้ เนื่องจากจะมีการกลับมาผลิตของโรงงาน EO/EG จะเข้ามาเสริม ทำให้ผลงานน่าจะออกมาดีมากกว่าปกติ
ส่วนแผนการลงทุนสำหรับการเข้าซื้อกิจการในช่วงครึ่งปีหลัง บริษัทคาดว่าภายในช่วงปลายปีนี้จะได้ข้อสรุปการเข้าซื้อกิจการที่เป็นธุรกิจเกี่ยวเนื่องอย่างน้อย 1 ราย จากปัจจุบันที่มีการเจรจาอยู่ 1-2 ราย โดยวางงบลงทุนไว้ที่ 2 หมื่นล้านบาทสำหรับการซื้อกิจการและการปรับปรุงและเพิ่มประสิทธิภาพเครื่องจักรในโรงงานต่าง ๆ จากงบลงทุนที่ตั้งไว้ในช่วง 3 ปี (ปี 60-63) รวมทั้งสิ้น 4 พันล้านเหรียญสหรัฐ