นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างหารือกับสมาคมฟินเทคประเทศไทย เพื่อจัดทำระบบรับชำระเงินของสถาบันการเงินเฉพาะกิจทั้ง 7 แห่ง เสมือนเป็น E-wallet เพื่อให้ลูกค้าของธนาคารเฉพาะกิจของรัฐสามารถใช้บริการชำระเงินกู้, ฝากเงิน, โอนเงิน โดยการอ้างอิงจากบัญชีเงินเดือน แทนการจัดทำเป็นแอพพลิเคชั่นของแต่ละธนาคาร เนื่องจากปัจจุบันประชาชนมีหลายบัญชี ซึ่งหากจะชำระเงินกู้ข้ามธนาคารทำให้ต้องเสียค่าธรรมเนียมจำนวนมาก ดังนั้น หากจัดทำเป็นข้อมูลกลางเพื่อรับชำระเงินไว้ที่เดียว จะเพิ่มความสะดวกให้กับผู้ใช้บริการมากขึ้น
"ขณะนี้ยังอยู่ขั้นตอนการหารือถึงงบประมาณและรูปแบบต่างๆ ตั้งเป้าจะดำเนินการให้เสร็จภายในปีหน้า เพื่อรองรับโครงการ National e-payment ของรัฐบาล ส่วนระบบความปลอดภัย ยืนยันว่ามีมาตรฐานของแต่ละธนาคารอยู่แล้ว ซึ่งธนาคารวางระบบเพื่อป้องกันความปลอดภัยของธนาคารไว้ด้วย" นายฉัตรชัย ระบุ
นอกจากนี้ เพื่อก้าวเข้าสู่การบริการในยุคดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ ธอส.ไดัพัฒนาระบบปฎิบัติการคอมพิวเตอร์หลักของ Core Bangking System เพื่อให้เกิดความทันสมัยและสามารถรองรับการให้บริการกับลูกค้าได้เร็วขึ้น โดยจะช่วยร่นระยะเวลาการให้บริการหน้าเคาน์เตอร์ลงได้ถึง 5 เท่าจากปกติ ทำให้ประชาชนได้รับบริการที่สาขาของธนาคารได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
นายฉัตรชัย กล่าวว่า ระบบดังกล่าวยังเตรียมไว้รองรับการจำหน่ายสลาก ธอส.ที่กำลังจะออกมาภายในปีนี้ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกา โดยจะให้ประชาชนซื้อสลากผ่านเคาน์เตอร์และระบบจะทำบันทึกข้อมูล เพื่อรอการจ่ายรางวัล และอัตราดอกเบี้ยได้ทันที ซึ่งธนาคารจะออกรางวัลเดือนละ 1 ครั้ง ผ่านการออกรางวัลของสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล เช่นเดียวกับสลากของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.)
นอกจากนี้ ในอนาคตการจำหน่ายสลากจะสามารถดำเนินการผ่านเครือง VTM หรือเครื่องทำธุรกรรมผ่านหน้าจอ เพื่อให้เกิดความสะดวกให้การบริการ โดยภายในปีนี้จะมีการติดตั้งเครือง VTM ให้ได้อย่างน้อย 5 เครื่อง ตามแหล่งชุมชนสำคัญ ส่วนเครื่องชำระเงินกู้ หรือ LRM ได้มีการติดตั้งไปแล้วจำนวน 10 เครื่อง คาดว่าภายในเดือนกันยายนนี้จะติดตั้งเพิ่มอีก 30 เครื่อง และภายในสิ้นปีจะติดตั้งให้ครบ 100 เครื่องตามแผนที่วางไว้