นายอมร ทรัพย์ทวีกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. พลังงานบริสุทธิ์ (EA) เปิดเผยว่า โรงไฟฟ้าพลังงานลมโครงการหาดกังหันกำลังการผลิตรวม 126 เมกะวัตต์ที่ทะยอย COD เมื่อวันที่ 3 มี.ค., วันที่ 10 มิ.ย. และวันที่ 23 มิ.ย. สามารถผลิตไฟฟ้าได้รวมกันถึง 20 ล้านกิโลวัตต์ชั่วโมง สูงกว่าที่คาดไว้ เนื่องจากกระแสลมในบริเวณที่ตั้งโครงการมีความเร็วที่ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งตั้งแต่เดือน มิ.ย. เป็นต้นมาต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน ความสามารถในการผลิตไฟฟ้าเฉลี่ยเดือนมิ.ย.และก.ค. อยู่ในระดับ 26-30% จึงคาดการณ์แนวโน้มในครึ่งปีหลัง จะยังคงได้รับผลบวกจากฤดูกาลที่มีลมแรงอย่างต่อเนื่อง และจะรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าพลังงานลมได้เต็มกำลัง
ด้านโรงไฟฟ้าสามารถสร้างผลประกอบการได้น่าพอใจ กล่าวคือในไตรมาสนี้ โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ 4 แห่ง กำลังการผลิตรวม 278 เมกะวัตต์ ผลิตไฟฟ้าได้รวมกันถึง 168 ล้านกิโลวัตต์ชั่วโมง นับเป็นสถิติสูงสุดของบริษัทฯ แม้ว่าจะมีฝนตกค่อนข้างมากกว่าปีก่อน
ส่วนความคืบหน้าในการพัฒนาโครงการพลังงานลมในโครงการหนุมาน จ.ชัยภูมิ กำลังการผลิต 260 เมกะวัตต์ มูลค่า 2 หมื่นล้านบาท ซึ่งมีกำหนด COD ในช่วงครึ่งหลังของปี 61 ว่า จากประสบการณ์และความสำเร็จของโครงการหาดกังหัน บริษัทฯ ได้นำมาต่อยอดในโครงการหนุมาน โดยขณะนี้ได้เริ่มงานก่อสร้างและพัฒนาโครงการแล้ว คาดว่าทุกอย่างจะเป็นไปตามแผนงานที่วางไว้ ส่งผลให้กำลังการผลิตของโรงไฟฟ้าทั้งหมดของบริษัทฯภายในสิ้นปี 61 จะเพิ่มเป็น 664 เมกะวัตต์ บรรลุเป้าหมายของบริษัท
สำหรับโครงการสร้างโรงงานผลิตอุปรณ์จัดเก็บพลังงาน (Energy Storage) หรือแบตเตอรี่ ขนาดกำลังการผลิต 50 GWh นั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการเตรียมการในรายละเอียดร่วมกับพันธมิตรทั้งในและต่างประเทศ ตลอดจนภาครัฐที่เกี่ยวข้องเพื่อร่วมกันผลักดันและวางแผนการลงทุน คาดว่าภายในปลายปี 60 นี้ จะเริ่มก่อสร้างโรงงานในเฟสแรก กำลังการผลิตแบตเตอรี่ 1 GWh มูลค่าลงทุนรวมไม่เกิน 3 พันล้านบาท โดยโรงงานในเฟสแรกจะใช้ระยะเวลาในการก่อสร้างราว 1 ปี และจะเริ่มผลิตและรับรู้รายได้ภายในต้นปี 2562
นายอมร กล่าวว่า ผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/60 บริษัทฯมีรายได้รวม 2,947.97 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 966.29 ล้านบาท โดยมีรายได้ลดลง 6.03% และกำไรสุทธิลดลง 2.63% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนผลการดำเนินงานในงวด 6 เดือนแรกของปี 2560 มีรายได้รวม 5,612.67 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 1,945.76 ล้านบาท รายได้เพิ่มขึ้นเล็กน้อย และกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 14.24%
ผลประกอบการในไตรมาสที่ 2 นี้ ลดลงเล็กน้อย โดยหลักเป็นผลมาจากธุรกิจไบโอดีเซลที่ในช่วงต้นไตรมาสรัฐกำหนดสัดส่วนการผสมไบโอดีเซลในน้ำมันดีเซลหมุนเร็วที่ร้อยละ 5 โดยปรับเพิ่มเป็นร้อยละ 7 ตั้งแต่วันที่ 8 พ.ค. เป็นต้นมา หลังจากปริมาณน้ำมันปาล์มดิบในตลาดเริ่มอยู่ตัวในระดับสูงขึ้น ในขณะที่ไตรมาสที่ 2 ของปีก่อน สัดส่วนการผสมอยู่ที่ร้อยละ 7 ส่งผลให้ปริมาณและราคาจำหน่ายในปีนี้ยังคงได้รับผลกระทบจากภาวะตลาดของน้ำมันปาล์มดิบที่เป็นวัตถุดิบสำคัญ