นางสาวโศภชา ดำรงปิยวุฒิ์ ประธานกรรมการบริหาร บมจ.กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง (GUNKUL) เปิดเผยถึงแนวโน้มผลประกอบการในครึ่งปีหลัง เชื่อว่าจะขยายตัวอยู่ในทิศทางที่ดีเมื่อเทียบกับครึ่งปีแรกที่ผ่านมา เนื่องจากทยอยรับรู้รายได้จากโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม กำลังการผลิตขนาด 60 เมกะวัตต์ ของบริษัท พัฒนาพลังงานลม จำกัด (WED) และทยอยรับรู้รายได้จากการเข้าซื้อโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์สระแก้ว กำลังการผลิตขนาด 8 เมกะวัตต์ และบางกระเจ้า กำลังการผลิต 5 เมกะวัตต์ อีกทั้งปัจจุบันบริษัทยังมีงานในมือ (Backlog) ที่จะทยอยรับรู้รายได้รวมประมาณ 1,000 ล้านบาท
ประกอบกับ ช่วงที่เหลือของปีนี้บริษัทยังเตรียมเข้าร่วมประมูลโครงการต่างๆ ของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) และการไฟฟ้าฝ่ายผลิต (กฟผ.) เช่น โครงการเปลี่ยนระบบสายไฟฟ้าอากาศเป็นสายไฟฟ้าใต้ดินใน 4 จังหวัดใหญ่ ซึ่งมีมูลค่างานกว่าหมื่นล้านบาทภายใต้กรอบระยะเวลา 2 ปีนี้ และงานวางเคเบิ้ลใต้ทะเล เป็นต้น ซึ่งหากได้งานจะเป็นปัจจัยบวกที่ทำให้ผลการดำเนินงานปีนี้เติบโตได้อย่างมีศักยภาพมากยิ่งขึ้น
สำหรับผลประกอบการงวด 6 เดือน สิ้นสุด 30 มิ.ย.60 ของบริษัทและบริษัทย่อยมี รายได้รวมเท่ากับ 2,194.49 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนเท่ากับ 1,496.07 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 698.42 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 46.68% และมีกำไรสำหรับงวด (ส่วนของบริษัทใหญ่) จำนวน 313 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อนเท่ากับ 267.70 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 45.63 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 17.04%
อย่างไรก็ตาม หากพิจารณางบการเงินรวมเฉพาะไตรมาส 2/60 จะมีกำไร (ส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่) จำนวน 127.22 ล้านบาท เปรียบเทียบงวดเดียวกันกับปีก่อนแสดงจำนวน 174.33 ล้านบาท ลดลงจำนวน 47.11 ล้านบาท ลดลง 27.02% เป็นผลจากการบันทึกรายได้ขายไฟฟ้าลดลงเนื่องจากช่วงฤดูกาลที่มีลมต่ำและเกิดขึ้นเฉพาะในช่วงไตรมาส 2 ของปีเท่านั้น
“รายได้และกำไรงวดครึ่งปีแรกถือว่าออกมาอยู่ในทิศทางที่ดี และเชื่อมั่นว่าครึ่งปีหลังจะดีกว่าครึ่งปีแรก เนื่องจากจะมีรายได้จากการจำหน่ายไฟฟ้าจากโครงการพลังงานลมขนาด 60 เมกะวัตต์ อีกทั้งมีงานในมือที่จะทยอยรับรู้รายได้อีกประมาณ 1,000 ล้านบาท และเตรียมเข้าร่วมประมูลงานใหม่ๆ จาก กฟภ.และกฟผ.อีกนับหมื่นล้านบาท จึงทำให้เชื่อว่าผลการดำเนินงานปีนี้จะเติบโตอยู่ในทิศทางที่ดี"นางสาวโศภชา กล่าว
ภาพรวมฐานะการเงินของบริษัทและบริษัทย่อย ณ วันที่ 30 มิ.ย.60 มีสินทรัพย์รวม 26,724 ล้านบาท หนี้สินรวม 17,009 ล้านบาท และส่วนของผู้ถือหุ้นรวม 9,715 ล้านบาท โดยบริษัทได้ไถ่ถอนและชำระหนี้ตั๋ว B/E ที่ถึงกำหนดเวลา ตลอดจนได้รับการต่ออายุตั๋ว B/E จากสถาบันการเงินตามปกติ และบริษัทได้รับการสนับสนุนวงเงินสินเชื่อระยะสั้นจากธนาคารพาณิชย์ เพียงพอต่อการดำเนินธุรกิจ เพื่อรองรับสถานการณ์ของตลาดตราสารหนี้ชนิดหุ้นกู้ประเภทจัดอันดับเครดิต กลับเข้าสู่ภาวะปกติต่อไปในอนาคต โดยบริษัทมีความพร้อมสำหรับการออกหุ้นกู้เนื่องจากได้รับการจัดอันดับเครดิต BBB stable จาก TRIS Rating ซึ่งบริษัทยังคงมุ่งมั่นและเร่งดำเนินการก่อสร้างโครงการโรงไฟฟ้ากังหันลม เพื่อให้สามารถจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ได้จำนวน 60 เมกะวัตต์ภายในไตรมาส 1/61 และอีกจำนวน 50 เมกะวัตต์ในไตรมาส 3/61 เพื่อให้เป็นไปตามแผนที่ได้วางไว้