นายกมล บริสุทธนะกุล ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน บมจ. ทีพีบีไอ (TPBI) เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานในรอบครึ่งปีแรกของปีนี้ (ม.ค.-มิ.ย.60) บริษัทฯ มีรายได้รวม 2,364.44 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 2,352.66 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 94.27 ล้านบาท ลดลง 50.62% จากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา เนื่องจากในไตรมาส 2/60 บริษัทมีรายได้รวม 1,182.26 ล้านบาท ซึ่งอยู่ในภาวะทรงตัวเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 1,178.60 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 34.68 ล้านบาท ลดลง 63.11% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน
ผลประกอบการที่ชะลอตัวลงเนื่องจากได้รับผลกระทบจากภาวะเงินบาทที่แข็งค่าอย่างรวดเร็ว และบริษัทอยู่ในช่วงของการปรับตัวเพื่อรับเทรนด์ของอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ในตลาดโลกที่เปลี่ยนแปลงไป โดยหลายประเทศได้ออกมาตราการลดการใช้บรรจุภัณฑ์พลาสติกประเภทหูหิ้วในกลุ่ม General Packaging ซึ่งเป็นหนึ่งในสินค้าที่ทำสัดส่วนรายได้หลักให้แก่บริษัทฯ ทำให้ TPBI ตัดสินใจลงทุนเพื่อปรับเปลี่ยนพอร์ตสินค้า โดยหันมาขยายไลน์สินค้าบรรจุภัณฑ์พลาสติกใหม่ ๆ เพิ่มเติม เช่น การขยายไลน์สินค้าสู่บรรจุภัณฑ์พลาสติกสำหรับภาคขนส่งเพื่อรองรับธุรกิจ E-Commerce, ถุงใส่ผักผลไม้, ถุงสำหรับใส่ครีมตกแต่งหน้าเค้ก, ถุงสำหรับอุตสาหกรรมแปรรูปเนื้อสัตว์, ฯลฯ ซึ่งแม้ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นในการแนะนำผลิตภัณฑ์ใหม่แก่คู่ค้า แต่พบว่าได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้าที่สั่งซื้อผลิตภัณฑ์เพิ่มขึ้น รวมถึงเพิ่มการผลิตสินค้าประเภทถุงขยะมากขึ้นด้วย
อย่างไรก็ตาม สำหรับบรรจุภัณฑ์พลาสติกประเภท High value added ในกลุ่ม Flexible Packaging ที่นำไปใช้ในอุตสาหกรรมอาหารสำเร็จรูป อาหารแช่แข็ง พบว่ามีอัตราการขยายตัวที่ดีหลังจากได้รับคำสั่งซื้อสินค้าเพิ่มขึ้น
ส่วนแผนดำเนินงานในครึ่งปีหลังนั้น บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าพัฒนาสินค้าใหม่ ๆ เพื่อสอดรับกับเทรนด์อุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์พลาสติกในตลาดโลก โดยล่าสุด บริษัทฯ จะเข้าซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัท มินิมา เทคโนโลยี จำกัด ประเทศไต้หวัน ซึ่งเป็นบริษัทฯ ที่ดำเนินการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์พลาสติกชีวภาพย่อยสลายได้ 100% และเป็นเจ้าของสิทธิบัตรที่เกี่ยวข้องมากมายในประเทศไต้หวัน สหรัฐอเมริกาและจีน รวมถึงเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์พลาสติกชีวภาพย่อยสลายได้ 100% ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าสูง (High Value Added) เพื่อจำหน่ายในประเทศไต้หวันและส่งออกไปยังยุโรป ออสเตรเลียและสหรัฐอเมริกา โดยจะเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นของกลุ่มบริษัทฯ จากเดิมที่ถืออยู่ 2.7% เพิ่มเป็นไม่เกิน 19% ของหุ้นสามัญทั้งหมด และหลังจากนั้นภายใน 1 ปี ยังสามารถเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นสามัญของบริษัท มินิมา เทคโนโลยี จำกัด ประเทศไต้หวัน เพิ่มเติมได้อีกเป็นไม่เกิน 25% ของหุ้นสามัญทั้งหมด
การเข้าซื้อหุ้นเพิ่มทุน บริษัท มินิมา เทคโนโลยี จำกัด จากประเทศไต้หวัน ในครั้งนี้ เป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์ที่สำคัญของ TPBI ที่ต้องการขยายการดำเนินธุรกิจไปยังผลิตภัณฑ์พลาสติกชีวภาพย่อยสลายได้ 100% ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าสูง และสอดคล้องกับกระแสอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมของโลก โดย TPBI จะแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และประสบการณ์ทางธุรกิจของทั้ง 2 บริษัทฯ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ธุรกิจ และสามารถนำผลิตภัณฑ์พลาสติกชีวภาพย่อยสลายได้ 100% มาใช้ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ของ TPBI เพื่อเพิ่มศักยภาพการแข่งขันในอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ในตลาดโลก
พร้อมเร่งเพิ่มยอดขายสินค้าในกลุ่ม Flexible Packaging เพื่อรับการเติบโตของอุตสาหกรรมอาหารที่ขยายตัวได้อย่างโดดเด่น ซึ่งปัจจุบัน TPBI อยู่ระหว่างการขยายกำลังการผลิตกลุ่ม Multilayer Film เพิ่มขึ้นอีก 2,500 ตัน จากเดิมที่มีกำลังการผลิตรวม 9,000 ตันต่อปีที่คาดว่าจะแล้วเสร็จในปลายปีนี้ และก่อสร้างโรงงานแห่งใหม่เพื่อขยายกำลังการผลิตบรรจุภัณฑ์พลาสติกชนิดอ่อนสำหรับสินค้าอุปโภคบริโภคอีก 100 ล้านเมตรต่อปี คาดว่าจะแล้วเสร็จและเริ่มเดินเครื่องจักรผลิตสินค้าได้ภายในกลางปี 61
ทั้งนี้ จากแนวทางดังกล่าว จะส่งผลดีต่อผลการดำเนินงานของ TPBI ที่จะกลับมาเติบโตได้อย่างยั่งยืน หลังจากในปีนี้ได้ประเมินว่าภาพรวมรายได้จะอยู่ในภาวะทรงตัว เนื่องจากอยู่ในช่วงของทรานฟอร์เมชั่นธุรกิจเพื่อปรับพอร์ตสินค้าสร้างการเติบโตที่มั่นคงในอนาคต