นายระเฑียร ศรีมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.บัตรกรุงไทย (KTC) เปิดเผยว่า บริษัทยอมรับว่ายอดใช้จ่ายผ่านบัตรปีนี้จะเติบโตต่ำกว่าเป้าหมายที่วางไว้ 15% หลังจากช่วงครึ่งปีแรกเติบโตได้เพียง 6.8% และยอดออกบัตรใหม่จะต่ำกว่าเป้าหมาย 4 แสนใบ โดยคาดว่าจะทำได้ใกล้เคียง 3 แสนใบ ซึ่งเป็นผลมาจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจทำให้กำลังซื้อไม่ฟื้นตัว ประกอบกับเกณฑ์ใหม่ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่ทำให้วงเงินสินเชื่อของลูกค้าใหม่ลดลง และทำให้การออกบัตรใหม่ทำได้ยากขึ้นด้วย
อย่างไรก็ตาม บริษัทยังคงมั่นใจว่ากำไรจะเติบโตได้ตามเป้าหมาย 10% โดยบริษัทจะมุ่งเน้นการรักษาความสัมพันธ์กับฐานสมาชิกที่มีอยู่ซึ่งไม่ได้รับผลกระทบจากกฎเกณฑ์ใหม่ของ ธปท.
พร้อมกันนั้น จะรุกทำการตลาดแบบไม่มีข้อจำกัด เพื่อให้สมาชิกทุกพื้นที่ได้รับความคุ้มค่าและความสุขทุกครั้งจากการใช้จ่ายผ่านบัตรเคทีซี ไม่ว่าจะเป็นการใช้จ่ายผ่านร้านค้าต่างๆ ทั้งในกรุงเทพฯ ต่างจังหวัด และต่างประเทศ หรือผ่านร้านค้าออนไลน์ ด้วยแคมเปญการตลาดแบบผสมผสานที่ครอบคลุมทุกหมวดการใช้จ่ายหลัก และตอบสนองไลฟ์สไตล์เฉพาะกลุ่ม
รวมทั้งเตรียมพร้อมรับกระแสใหม่ๆ ที่จะเกิดขึ้น เพื่อให้บัตรเคทีซีเป็นบัตรหลักที่ตอบโจทย์การใช้จ่ายของผู้บริโภคด้วยประสบการณ์ที่น่าพอใจ
ในส่วนของหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) รวมจะรักษาให้อยู่ในระดับใกล้เคียงกับปัจจุบันที่ 1.57%
"พื้นฐานเราไม่เคยเปลี่ยนแม้จะมีเรื่องนี้มากระทบ เพราะเรามีทุนหนา สำรองสูงมาก หนี้เสียต่ำสุดในอุตสาหกรรม ยอดใช้จ่ายผ่านบัตรก็ถือว่าเติบโตได้มากกว่าอุตสาหกรรมถึง 3 เท่าตัว ซึ่งหลังจากนี้เราก็จะปรับกลยุทธ์ใหม่ให้มีความเหมาะสมกับหลักเกณฑ์ใหม่ที่ออกมา ซึ่งเราเชื่อว่าจะช่วยให้เรามีการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง แม้ว่าอาจจะต่ำกว่าเป้าหมายไปบ้างก็ตาม"นายระเฑียร กล่าว
นายระเฑียร กล่าวต่อว่า บริษัทเตรียมออกหุ้นกู้เพิ่มเติมในเดือน พ.ย. นี้ แต่ยังอยู่ระหว่างพิจารณาวงเงินที่เหมาะสม โดยบริษัทมีหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดอยู่ 4.5-5 พันล้านบาท แต่อาจจะไม่ได้ออกหุ้นกู้ตามจำนวนดังกล่าวทั้งหมด
ขณะที่บริษัทเตรียมเดินทางไปนำเสนอข้อมูลแก่นักลงทุนที่ประเทศอังกฤษในเดือน ก.ย. นี้ โดยในช่วงที่ผ่านมามีนักลงทุนต่างชาติให้ความสนใจและมีคำถามเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งปัจจุบัน KTC มีนักลงทุนต่างชาติถือหุ้นในสัดส่วน 7%