นายวิชัย ชุณหสมบูรณ์ ผู้จัดการฝ่ายการเงินและการคลัง บมจ.สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง (SPRC) กล่าวว่า บริษัทยังคงเป้าหมายกำลังการกลั่นน้ำมันเฉลี่ยในปีนี้ที่ระดับ 165,000 บาร์เรล/วัน แม้จะมีการหยุดซ่อมบำรุงหน่วยหอกลั่นน้ำมันดิบ (CDU) เป็นเวลา 10 วัน ในเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งขณะนี้สามารถกลับมาดำเนินการได้ตามปกติแล้ว
"ครึ่งปีหลังเราไม่สามารถประเมินได้ว่าจะมีผลขาดทุนจากสต็อกน้ำมันหรือมีกำไรจากสต็อกน้ำมัน แต่เราไม่มีแผนที่จะ shutdown แล้วในปีนี้ ซึ่งเราจะ Shutdown อีกครั้งก็จะเป็นในช่วงปลายปี 62 ที่คาดว่าจะปิดราว 30 วัน ซึ่งน่าจะมีผลกระทบต่อรายได้คิดเป็น 10% ของกำลังการกลั่นทั้งปี"นายวิชัย กล่าว
ขณะที่ครึ่งปีแรกค่าการกลั่นตลาด (Market GRM) ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 7.47 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล จากระดับ 6.78 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรลในช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นผลมาจากมีความต้องการน้ำมันเบนซินและน้ำมันเตาสูงขึ้น และขณะนี้ยังไม่เห็นปัจจัยที่จะเข้ามากระทบต่อค่าการกลั่นอย่างมีนัยสำคัญ
ทั้งนี้ บริษัทประเมินราคาน้ำมันดิบในช่วงที่เหลือของปีน่าจะอยู่ที่ระดับ 45-55 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล โดยภาพรวมราคาน้ำมันดิบค่อนข้างทรงตัว แม้กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และนอกโอเปกพยายามจะลดกำลังการผลิตลง แต่ก็มีกำลังการผลิตชดเชยเข้ามาจากสหรัฐฯ และมีอีก 2 ประเทศ คือไนจีเรียและลิเบีย สามารถผลิตน้ำมันได้ดีมากขึ้น ทำให้น้ำมันยังมีปริมาณค่อนข้างสูง จึงไม่ได้ส่งผลต่อราคาน้ำมันดิบมากนัก
สำหรับโครงการเพิ่มกำลังการผลิตของหน่วยการกลั่นน้ำมันดิบ (CDU) คาดว่าจะเสนอเข้าที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทได้ในช่วงปลายปีนี้ หรือต้นปีหน้า ซึ่งน่าจะได้รับการอนุมัติ เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตเป็น 175,000 บาร์เรล/วัน จากเดิม 165,000 บาร์เรล/วัน โดยจะใช้เงินลงทุนราว 70 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และน่าจะดำเนินการแล้วเสร็จได้ในปี 62 และทำให้กำไรสุทธิในปี 62 ปรับตัวดีขึ้น
นายวิชัย กล่าวว่า ทิศทางระยะยาวที่จะมีการหันมาใช้รถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น บริษัทก็มองว่าน่าจะมีผลกระทบต่อการใช้น้ำมันที่ลดลง ซึ่งผู้ประกอบการรายใหม่ที่จะเข้ามาสู่ตลาด น่าจะได้รับผลกระทบดังกล่าวมากที่สุด และอาจจะมีการปิดตัวลงมากที่สุด แต่ในส่วนบริษัทเชื่อว่าจะยังมีความสามารถในการแข่งขันอยู่ในระดับที่ดี