(เพิ่มเติม) TSTH ลดเป้ายอดขายปี 60/61 เหลือแค่ทรงตัวจากคาดโต 8-10% ดีมานยังด์ต่ำ,ขายเตาถลุงให้อินเดียสรุป ก.ย.

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday August 16, 2017 16:07 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายราจีฟ มังกัล กรรมการผู้จัดการ หญ่ บมจ.ทาทา สตีล (ประเทศไทย) (TSTH) เปิดเผยว่า บริษัทปรับเป้ายอดขายในงวดปี 60/61 (เม.ย.60-มี.ค.61) เป็น 1.2 ล้านตัน ทรงตัวจากปีก่อนที่มียอดขาย 1.26 ล้านตัน จากเดิมคาดว่าจะเติบโต 8-10% เนื่องจากความต้องการใช้เหล็กในประเทศลดลง โดยคาดว่าความต้องการเหล็กทั้งปีนี้จะลดลงราว 15-16% จากปีก่อน เนื่องจากการลงทุนโครงการภาครัฐชะลอออกไป ขณะที่การลงทุนภาคเอกชนล่าช้า "ปีนี้เรา maintain ตัวเลขยอดขายไว้ที่ 1.2 ล้านตัน สถานการณ์ตลาดในไตรมาส 1 (เม.ย.-มิ.ย.)ไม่ค่อยดี แต่เหล็กลวดมียอดขายสูงขึ้น ...แม้ว่า sale volume ไม่เติบโต เป็นผลจากความต้องการลดลง แต่เราจะหาช่องทางตลาด โดยกำไรขึ้นอยู่กับตลาด และดีมานด์ เราไม่ยอมแพ้"นายราจีฟ กล่าว

ในงวดไตรมาส 2 ของปี 60/61 (ก.ค.-ก.ย.) คาดว่าจะมียอดขายอยู่ที่ 3 แสนตัน เพิ่มขึ้นจากงวดไตรมาส 1 ปี 60/61 (เม.ย.-มิ.ย.) ที่มียอดขาย 2.76 แสนตัน เนื่องจากเป็นช่วงที่มีวันหยุดยาวต่อเนื่อง ขณะที่คาดว่างวดครึ่งปีหลังความต้องการเหล็กจะสูงขึ้นจากงานก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐ ที่คาดว่าจะเริ่มมีการจัดซื้อจัดจ้างในช่วงเดือน ต.ค.-ธ.ค.นี้

ขณะที่ราคาขายจะเพิ่มขึ้นตามราคาวัตถุดิบที่สูงขึ้น โดยในงวดไตรมาส 1 ปี 60/61 ราคาวัตถุดิบสูงขึ้นราว 18% มาที่ 14,900 บาท/ตัน จากปีก่อนอยู่ที่ 12,600 บาท/ตัน และยังมีแนวโน้มสูงขึ้น ซึ่งจะกดดันผลกำไรของบริษัท แต่คาดว่ามาร์จิ้นในไตรมาส 2 น่าจะดีกว่าไตรมาส 1 เพราะราคาขายเริ่มขยับขึ้นตามราคาวัตถุดิบ

อย่างไรก็ดี จีนได้ส่งออกเหล็กลวดมาไทยลดลง เพราะความต้องการในประเทศจีนเพิ่มขึ้น ทำให้ปีนี้จีนส่งออกเหล็กลวดมาไทยจำนวน 7.05 แสนตัน จากปีก่อนส่งออก 1.22 ล้านตัน ดังนั้น บริษัทเห็นช่องว่างตลาดนี้จึงคาดว่าปีนี้บริษัทจะมีสัดส่วนขายเหล็กลวดคาร์บอนต่ำมากขึ้น โดยคาดว่าทั้งปีจะมีสัดส่วนขายเพิ่มขึ้นราว 27% มาที่ 3.5 แสนตัน จากปีก่อนมีสัดส่วนประมาณ 15% ซึ่งสินค้าเหล็กลวดคาร์บอนต่ำมีอัตรากำไร หรือ มาร์จิ้นดีกว่าสินค้าชนิดอื่น โดยในไตรมาส 1/60 มียอดขายเพิ่มขึ้น 36% จากปีก่อนอยู่ที่ระดับ 7.3 หมื่นตัน ทั้งนี้ บริษัทมีกำลังการผลิตเหล็กลวดที่ 6 แสนตัน/ปี อีกทั้งทางภาครัฐได้ทบทวนมาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดของเหล็กลวดคาร์บอนต่ำที่ประกาศเมื่อ 11 ส.ค.60

นอกจากนี้ ยอดขายเหล็กตัดและดัดสูงขึ้นถึง 5,000 ตัน/เดือนอย่างต่อเนื่อง เพราะแรงงานต่างด้าวลดลงทำให้สินค้าชนิดนี้มีความต้องการสูง และเตรียมพิจารณาเพิ่มกำลังการผลิตอีก 3,000-3,500 ตัน/เดือน จากปัจจุบันผลิตได้ระดับ 1 หมื่นตัน/เดือน โดยใช้งบลงทุน 75-85 ล้านบาท ระหว่างรอดูสถานการณ์ 2-3 เดือนก่อนตัดสินใจอนุมัติการลงทุน

ขณะเดียวกันในปีนี้ บริษัทจะส่งออกจำนวน 1-1.1 แสนตันหรือมีสัดส่วน 8%ของยอดขาย จากปีก่อนมีสัดส่วนการส่งออก 7% รวมทั้งได้เตรียมตัวขอใบอนุญาตมาตรฐานสินค้าเหล็กทั้งในออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ เอเชีย อินเดีย ส่วนสินค้าเหล็กเส้น เหล็กตัดและตัด มีจำนวน 6.7 แสนตัน และเหล็กรูปพรรณ 7 หมื่นตัน

ในปีนี้คาดว่าใช้กำลังการผลิต 74% ของกำลังการผลิตทั้งหมด 1.7 ล้านตัน ใกล้เคียงกับปีก่อน ขณะที่ภาพรวมอุตสาหกรรมเหล็ก ใช้กำลังการผลิตเพียง 40% หรือ ผลิต 2.9 ล้านตัน จากกำลังการผลิตรวม 8 ล้านตัน

ส่วนความคืบหน้าการขายเตาถลุงเหล็กขนาดเล็ก(MBF) นายราจีฟ กล่าวว่า ขณะนี้เจรจาขายให้กับบริษัทในอินเดียแล้วและได้ราคาสุดท้าย แต่อยู่ในขั้นตอนการจ่ายเงินและการขนย้ายเครื่องจักร คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในเดือน ก.ย.นี้ ทั้งนี้ TSTH ได้บันทึกการด้อยค่าสินทรัพย์เตาถลุงเหล็ก MBF จำนวน 528 ล้านบาทในไตรมาส 4/59-60 โดยคาดว่าราคาขายไม่น่าจะมากกว่าราคาที่บันทึกการด้อยค่าสินทรัพย์ดังกล่าว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ