นางแคทลีน มาลีนนท์ ประธานกรรมการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ไทย โซล่าร์ เอ็นเนอร์ยี่ (TSE) เปิดเผยว่า ในช่วงที่เหลือของปีนี้บริษัทมีกำหนดจ่ายไฟเข้าระบบจากโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศญี่ปุ่นเข้ามาเพิ่มเติมในช่วงต้นไตรมาสสุดท้ายอีกประมาณ 3.24 เมกะวัตต์ ขณะเดียวกัน บริษัทมีแผนจะเข้าลงทุนในโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศญี่ปุ่นเพิ่มเติมอีกจำนวน 1-2 โครงการ ซึ่งในปัจจุบันอยู่ในระหว่างเจรจา และศึกษาโครงการ คาดว่าจะสามารถเห็นความชัดเจนได้ภายในไตรมาสที่ 3 ของปีนี้
อนึ่ง ก่อนหน้านี้บริษัทฯได้รับการอนุมัติจากผู้ถือหุ้นในการเข้าลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศญี่ปุ่น กำลังการผลิต 154.98 เมกะวัตต์
ขณะที่ความคืบหน้าของโครงการโรงไฟฟ้าชีวมวลจำนวน 3 โครงการในจังหวัดสุราษฎร์ธานี และนครศรีธรรมราช กำลังการผลิตรวม 22.2 เมกะวัตต์ ล่าสุด บริษัท ออสการ์ เซฟ เดอะ เวิลด์ จำกัด และบริษัท บางสวรรค์ กรีน จำกัด ภายใต้กลุ่มบริษัท TSE ได้รับการสนับสนุนทางการเงินจากธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) วงเงิน 2,257.50 ล้านบาท
สำหรับลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าชีวมวลที่ดำเนินการโดยบริษัท ออสการ์ เซฟ เดอะ เวิลด์ จำกัด (OSCAR) จำนวน 2 โครงการ กำลังการผลิตเสนอขายโครงการละ 8.8 เมกะวัตต์ รวม 17.6 เมกะวัตต์ ที่จังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งทั้ง 2 โครงการได้รับใบอนุญาตซื้อขายไฟฟ้าประเภทโรงไฟฟ้าชีวมวล และได้รับสัญญาขายไฟฟ้าให้แก่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) แล้ว
โดยที่โรงไฟฟ้าชีวมวล OSCAR ทั้ง 2 โรงจะเริ่มจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) สำหรับโรงไฟฟ้า OSCAR 1 ภายในไตรมาส 1/61 และเริ่ม COD สำหรับโรงไฟฟ้า OSCAR 2 ภายในไตรมาส 1/62 และโครงการโรงไฟฟ้าชีวมวลอีก 1 โครงการจะดำเนินการโดยบริษัท บางสวรรค์ กรีน จำกัด (BSW) กำลังการผลิตเสนอขาย 4.6 เมกะวัตต์ ที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี ซึ่งโรงไฟฟ้าชีวมวล BSW จะเริ่ม COD ภายในไตรมาส 3/60
“ในช่วงที่ผ่านมาของปีนี้เราเร่งดำเนินการในการขยายกำลังการผลิตในประเทศญี่ปุ่นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในทุกโครงการมีความคืบหน้าอยู่ในระดับที่น่าพอใจ ส่วนการได้รับเงินกู้จาก EXIM Bank ในการลงทุนในโรงไฟฟ้าชีวมวลทั้ง 3 แห่งของกลุ่มบริษัทฯ จะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อกลุ่มบริษัท และผู้ถือหุ้น เนื่องจากเป็นการลงทุนในธุรกิจที่มีแนวโน้มเติบโตในอนาคต ซึ่งโครงการใหม่ ๆ ที่กำลังจะเกิดขึ้นนั้นจะเป็นส่วนสำคัญในการผลักดันการให้เราสามารถเติบโตอย่างก้าวกระโดดได้ในอนาคต" นางแคทลีน กล่าว
สำหรับผลประกอบการครึ่งปีแรกของปี 60 สิ้นสุดวันที่ 30 มิ.ย.60 บริษัทมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 224.74 ล้านบาท โดยที่กลุ่มบริษัทมีรายได้จากการขายและบริการเพิ่มขึ้นในส่วนของโครงการใหม่ๆ ที่ทยอยรับรู้รายได้ เนื่องจากกลุ่มบริษัทสามารถรับรู้รายได้จากโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่ประเทศญี่ปุ่นเพิ่มมากขึ้น โดยมีโรงไฟฟ้าที่สร้างแล้วเสร็จและดำเนินการเชิงพาณิชย์จำนวน 4 โรง ในประเทศญี่ปุ่น นอกจากนี้บริษัทฯยังรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ใหม่ขนาด 1 เมกะวัตต์ที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
ปัจจุบัน บริษัทมีโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนทั้งในประเทศไทย และประเทศญี่ปุ่นรวมทั้งสิ้น 37 โครงการกำลังการผลิตเสนอขายรวม 298.42 เมกะวัตต์ แบ่งเป็นในประเทศ 29 โครงการกำลังการผลิตเสนอขาย 121.7 เมกะวัตต์ และประเทศญี่ปุ่น จำนวน 8 โครงการ กำลังการผลิตเสนอขายจำนวน 176.72 เมกะวัตต์