นายสมบัติ กิจจาลักษณ์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ (BEM) เปิดเผยว่า โครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย ช่วงเชื่อมต่อหนึ่งสถานี ระหว่างเตาปูน-บางซื่อ เพื่อเชื่อมต่อการเดินรถต่อเนื่องเป็นโครงข่ายเดียวกัน (Through Operation) ระหว่างรถไฟฟ้าสายเฉลิมรัชมงคล (สายสีน้ำเงินเดิม) สายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย และสายฉลองรัชธรรม (สายสีม่วง) ที่เปิดให้บริการอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 11 สิงหาคมที่ผ่านมานั้น คาดว่าจะมีผู้โดยสารจากสายสีม่วงเดินทางต่อไปใช้สายสีน้ำเงินประมาณ 20,000 คน/วัน
โดยการเดินรถไฟฟ้าช่วงเชื่อมต่อระหว่างเตาปูน – บางซื่อ มีระยะทาง 1.2 กิโลเมตร จะมีการเปลี่ยนระดับจากใต้ดินที่สถานีบางซื่อ มาเป็นเส้นทางยกระดับก่อนเข้าสู่สถานีเตาปูน ซึ่งเป็นสถานีร่วมกับรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงบางใหญ่-บางซื่อ การเชื่อมเส้นทางระหว่างสายสีน้ำเงินและสายสีม่วงที่สถานีเตาปูน ถือเป็นอีกหัวใจสำคัญของโครงข่ายรถไฟฟ้าทั้งหมด เพราะเป็นเส้นทางเชื่อมต่อระหว่างกรุงเทพฯและปริมณฑล ซึ่งจะช่วยพัฒนาเมือง พัฒนาเศรษฐกิจ และยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน
ด้านความคืบหน้าโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ส่วนต่อขยาย ปัจจุบันงานโครงสร้างอุโมงค์และสถานีแล้วเสร็จประมาณ 90% โดย BEM ได้ทำการว่าจ้างบมจ.ช.การช่าง (CK) เป็นผู้บริหารโครงการ รวมถึงจัดหา ติดตั้ง และทดสอบอุปกรณ์งานระบบโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ซึ่งต่อมา CK ได้ทำการคัดเลือกและว่าจ้างกิจการร่วมค้า ซึ่งนำโดยบริษัท ซีเมนส์ ในการจัดหาขบวนรถไฟฟ้า จำนวน 35 ขบวน และอุปกรณ์งานระบบอื่นที่เกี่ยวข้องในวงเงิน 20,000 ล้านบาท สำหรับใช้ในการให้บริการโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน คาดว่าจะสามารถเปิดให้บริการช่วงหัวลำโพง-บางแค ในเดือนกันยายน 2562 และช่วงบางซื่อ-ท่าพระ ในเดือนมีนาคม 2563 ซึ่งเมื่อเปิดสายสีน้ำเงินครบทั้งหมดแล้ว จากการคาดการณ์ คาดว่าจำนวนผู้โดยสารสายสีน้ำเงินจะเพิ่มมากกว่า 500,000 คน/วัน
ทั้งนี้ BEM ในฐานะผู้ให้บริการเดินรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินและสายสีม่วง มีผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ โดยมีกำไรสุทธิ 1,425 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากระดับกำไร 1,206 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากการรับรู้รายได้จากการบริหารเส้นทางเดินรถในโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง และโครงการทางพิเศษศรีรัช-วงแหวนรอบนอก ขณะที่ยังมีความพร้อมที่จะเข้าร่วมประมูลสัมปทานการเดินรถในโครงการรถไฟฟ้าในอนาคต เช่น สายสีม่วงใต้ และสายสีส้ม