นายศรศักดิ์ สมวัฒนา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เนอวานา ไดอิ (NVD) เปิดเผยว่า บริษัทมั่นใจยอดขายในปีนี้จะทำได้ทะลุเป้าที่ตั้งไว้ 3 พันล้านบาท เนื่องจากโครงการคอนโดมิเนียม BANYAN TREE RESIDENCES RIVERSIDE BANGKOK มูลค่า 6 พันล้านบาทได้รับความสนใจจากลูกค้าชาวต่างชาติค่อนข้างมาก เชื่อว่าจะเป็นปัจจัยสำคัญช่วยผลักดันยอดขายในช่วงครึ่งปีหลัง
"โครงการนี้ได้รับความสนใจจากลูกค้าชาวต่างชาติเป็นอย่างมากหลังจากบริษัทได้นำไปเปิดขายครั้งแรกที่ฮ่องกงในช่วงที่ผ่านมา สามารถทำยอดขายได้มากกว่า 10% ของจำนวนยูนิตทั้งหมด 133 ยูนิต หรือคิดเป็นมูลค่า 400 ล้านบาท ซึ่งยังไม่รวมกับยอดขายในช่วงครึ่งปีแรกที่ทำได้ 1.9 พันล้านบาท"นายศรศักดิ์ กล่าว
บริษัทยังจะเดินหน้าไปเโรดโชว์โครงการ BANYAN TREE RESIDENCES RIVERSIDE BANGKOK ในต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยประเทศต่อไป คือ สิงคโปร์ ซึ่งจะจัดงานขึ้นในวันที่ 26 ส.ค.นี้ คาดหวังยอดขายในครั้งนี้ไม่ต่ำกว่า 20% ขณะที่ได้ปรับขึ้นราคาขายไปสูงกว่าราคาที่เปิดขายในฮ่องกงที่ราว 300,000 บาท/ตารางเมตร แสดงถึงศักยภาพของทำเลของโครงการที่ลูกค้าชาวต่างชาติมีความสนใจค่อนข้างมาก โครงการดังกล่าวมีกำหนดเริ่มโอนในเดือน พ.ย.61
ขณะเดียวกันในช่วงครึ่งปีหลังบริษัทจะมีเน้นการเปิดขายโครงการแนวราบใหม่ คือ โครงการ Define พระราม 9 มูลค่า 1.9 พันล้านบาท คาดหวังจะสามารถปิดการขายภายในสิ้นปีนี้ และจะเริ่มทยอยโอนในปลายปีนี้ ซึ่งจะเป็นปัจจัยที่ช่วยสนับสนุนผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลังทั้งรายได้และกำไรที่มีแนวโน้มสูงกว่าครึ่งปีแรกที่มีรายได้อยู่ที่ 1.31 พันล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 112 ล้านบาท
รวมทั้งจะทำให้ผลการดำเนินงานในปีนี้จะเป็นปีที่มีรายได้และกำไรทำสถิติสูงสุด (New High) ซึ่งเป็นผลมาจากการปรับโครงสร้างองค์กรและธุรกิจที่เสร็จสมบูรณ์ ทำให้การเดินหน้าธุรกิจมีความคล่องตัวมากขึ้น ขณะที่บริษัทมียอดขายรอโอน (Backlog) ในปัจจุบันที่ 900 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่จะโอนภายในปีนี้ ประกอบกับ บริษัทยังมีมูลค่าโครงการเหลือขายอีก 1.4 หมื่นล้านบาท เป็นจำนวนโครงการที่พัฒนาแล้วทั้งสิ้น 18 โครงการที่จะทยอยขายและรับรู้รายได้เข้ามา
ส่วนธุรกิจรับสร้างบ้านในปีนี้บริษัทได้ตั้งเป้ายอดขายอยู่ที่ 500 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ 300 ล้านบาท โดยได้มีการพัฒนาแบบบ้าน GINZA Home รูปแบบใหม่ ที่มีความทันสมัยและน่าอยู่อาศัยมากขึ้น ทำให้คาดว่าจะมีผู้สนใจว่าจ้างบริษัทในการสร้างบ้านมากขึ้น อีกทั้งยังเป็นแบบบ้านใหม่ที่ให้มาร์จิ้นดี
ทั้งนี้ ปัจจุบันสัดส่วนรายได้ของบริษัท แบ่งเป็น รายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ 80% และรายได้จากธุรกิจรับสร้างบ้านและวัสดุก่อสร้าง 20%
นายศรศักดิ์ กล่าวอีกว่า ในช่วง 5 ปีข้างหน้าบริษัทยังมีแผนพัฒนาโครงการใหม่อีก 6-7 โครงการ มูลค่า 1.3 หมื่นล้านบาท โดยหนึ่งในนั้นจะมีที่ดินผืนใหญ่ย่านบางใหญ่และรัตนาธิเบศร์ หลังจากที่ผ่านมาบริษัทได้ชะลอการพัฒนาโครงการไปหลังจากเกิดภาวะซัพพลายโครงการคอนโดมิเนียมตามแนวรถไฟฟ้าสายสีม่วงล้นตลาด โดยขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างปรับรูปแบบโครงการคอนโดมิเนียมให้แตกต่างจากโครงการอื่น
นอกจากนี้ บริษัทยังเตรียมงบซื้อที่ดินในปีนี้ไว้ 1 พันล้านบาท เพื่อนำมาเตรียมไว้พัฒนาโครงการทั้งแนวราบและคอนโดมิเนียม พร้อมกับมองหาพันธมิตรต่างชาติเข้ามาร่วมลงทุนพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ เพื่อช่วยเสริมศักยภาพและต่อยอดธุรกิจให้เติบโตในอนาคต
ส่วนภาพรวมอสังหาริมทรัพย์ไทยในช่วงครึ่งปีหลังมองว่าจะกลับมาฟื้นตัวดีขึ้น จากการกลับมาเปิดโครงการใหม่เพิ่มขึ้น เชื่อว่าจะทำให้ตลาดกลับมาคึกคัก ขณะที่ตลาดเองก็ยังมีความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยอยู่ แม้ว่าจะถูกผลกระทบจากกำลังซื้อที่ลดลง และความเข้มงวดการให้สินเชื่อของสถาบันการเงินกดดัน แต่ตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยยังสามารถเติบโตได้ โดยมีโครงการระดับกลาง-บนเป็นปัจจัยหลักหนุนการเติบโตในปีนี้