บมจ.ซิงเกอร์ประเทศไทย (SINGER) มั่นใจรายได้ปีนี้เติบโต 30% จากปีก่อน หลังมองรายได้ในช่วงครึ่งหลังปีนี้จะทำได้ดีกว่าครึ่งปีแรก จากการเน้นขายสินค้ากลุ่มหลัก ขณะเดียวกันยังเน้นการรักษาอัตรากำไรขั้นต้นปีนี้ที่ระดับ 30% จากการบริหารจัดการที่ดี และเร่งติดตามหนี้ค้างชำระ พร้อมดูแลหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ให้อยู่ในระดับต่ำกว่า 10%
ส่วนการปล่อยสินเชื่อรถทำเงินในปีนี้คาดว่าจะทำได้เพียง 1 พันล้านบาท ต่ำกว่าเป้าหมายที่ระดับ 1.5 พันล้านบาท หลังได้เพิ่มความรอบคอบในการดำเนินงานมากขึ้น พร้อมวางแผนขยายสาขาของบริษัทเพิ่มอีก 17 สาขา เป็น 200 สาขาในสิ้นปีนี้ จากปัจจุบันที่มีอยู่ 183 สาขา
นายกิตติพงษ์ กนกวิไลรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม ของ SINGER กล่าวว่า การเติบโตของรายได้ในปีนี้จะเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ แม้ในช่วงครึ่งปีแรกจะได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว แต่ในช่วงครึ่งปีหลังบริษัทจะใช้กลยุทธ์การขายสินค้ากลุ่มหลัก ได้แก่ กลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในครัวเรือน ,กลุ่มสินค้าเชิงพาณิชย์ และโทรศัพท์มือถือ เป็นต้น โดยจะขายผ่านแอพพลิเคชั่นที่ชื่อว่า SG Direct ซึ่งเป็นแอพพลิเคชั่นที่สามารถเช็คจำนวนหนี้ของลูกค้าได้ เช่น ลูกค้ามีการผ่อนสินค้ากับทางบริษัทอยู่และใกล้จะหมดแล้ว บริษัทก็จะรับรู้สถานะดังกล่าวได้ทันที และเข้าไปเสนอขายสินค้าใหม่ให้กับลูกค้าได้อย่างต่อเนื่อง รวมถึงยังเป็นการควบคุมคุณภาพหนี้ของลูกค้าได้อีกด้วย
ส่วนธุรกิจสินเชื่อรถทำเงิน ได้ปรับลดเป้าการปล่อยสินเชื่อปีนี้ลงมาอยู่ที่ 1 พันล้านบาท เนื่องจากยังไม่มีความชำนาญมากนัก และต้องการควบคุมระดับ NPL ไม่ให้สูงเกินไป โดยที่ผ่านมาสามารถปล่อยสินเชื่อไปแล้วกว่า 100 ล้านบาท โดยปีนี้บริษัทตั้งเป้าหมายจะควบคุมระดับ NPL ให้ต่ำกว่าระดับ 10% จากปัจจุบันอยู่ที่ 14%
อย่างไรก็ตามบริษัทจะยังคงรักษาระดับอัตรากำไรขั้นต้นในปีนี้ให้อยู่ที่ 30% จากการบริหารจัดการที่ดี นำระบบ ERP มารองรับการเติบโตในอนาคต และกำหนดแผนการดำเนินการเร่งติดตามหนี้ที่ค้างชำระให้เป็นไปตามที่วางไว้ และขยายเครือข่ายทีมขายตอกย้ำธุรกิจที่มีช่องทางการจำหน่ายครอบคลุมทั่วประเทศ โดยปัจจุบันมีตัวแทนขายแล้วประมาณ 14,000 ราย และครึ่งปีแรกมีสาขาแล้วจำนวน 183 สาขา โดยเตรียมเปิดสาขาเพิ่มอีก 17 สาขา ส่งผลทำให้สิ้นปีนี้จะมีสาขาทั้งสิ้น 200 สาขา