น.ส.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เสนา ดีเวลลอปเม้นท์ (SENA) เปิดเผยว่า บริษัทมั่นใจรายได้ปีนี้โต 20% จากปีก่อน หรือมาอยู่ที่ 4.5 พันล้านบาท โดยในครึ่งปีแรกมีรายได้ 1.67 พันล้านบาท และในช่วงครึ่งปีหลังบริษัทจะมีการโอนโครงการส่วนใหญ่ในยอดขายรอโอน (Backlog) อีก 3 พันล้านบาท จากทั้งหมดที่มี 3.6 พันล้านบาท ได้แก่ โครงการ นิช ไพรด์ ทองหล่อ-เพชรบุรี , โครงการ คิทท์ พลัส สุขุมวิท 113 และ โครงการ นิช โมโน บางนา เฟส 2 ซึ่งจะสร้างเสร็จในช่วงครึ่งปีหลัง
นอกจากนี้ บริษัทยังเชื่อว่าจะทำยอดขายในปีนี้ได้ตามเป้าหมาย 4.6 พันล้านบาท หลังจากช่วง 7 เดือนที่ผ่านมาทำยอดขายได้แล้ว 2-3 พันล้านบาท และในช่วงครึ่งปีหลังจะเปิดโครงการใหม่อีก 6 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 6.91 พันล้านบาท หลังจากครึ่งปีแรกเปิดขายไปแล้ว 3 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 2.11 พันล้านบาท
ทั้งนี้ ในเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา บริษัทได้เปิดขายโครงการใหม่ 2 โครงการ คือ โครงการ นิช ไอดี @ ปากเกร็ด สเตชั่น มูลค่า 1.4 พันล้านบาท และโครงการ เสนา ช้อป เฮ้าส์ บางแค มูลค่า 460 ล้านบาท และในช่วงกลางเดือน ส.ค.บริษัทเปิดขายโครงการ เสนา ช้อป เฮ้าส์ พหลโยธิน-คูคต มูลค่า 190 ล้านบาท
ส่วนในช่วงวันที่ 30 ก.ย.-1 ต.ค.60 บริษัทวางแผนจะเปิดโครงการใหม่อีก 3 โครงการที่เหลือพร้อมกัน มูลค่าโครงการรวม 4.86 พันล้านบาท ได้แก่ โครง นิช โมโน สุขุมวิท-แบริ่ง มูลค่า 3.4 พันล้านบาท เป็นโครงการร่วมทุนกับพันธมิตรญี่ปุ่น คือ ฮันคิว เรียลตี้, โครงการ เสนา อีโคทาวน์ รามอินทรา-วงแหวน มูลค่า 985 ล้านบาท และ โครงการ เดอะ คิทท์ พลัส พหลโยธิน-คูคต มูลค่า 483 ล้านบาท ซึ่งบริษัทคาดหวังทั้ง 3 โครงการในช่วง 2 วันที่เปิดขายราว 100-300 ล้านบาท/โครงการ
อย่างไรก็ตาม ในปีนี้บริษัทได้เลื่อนเปิด 1 โครงการใหม่ย่านเตาปูน ซึ่งเป็นโครงการร่วมทุนกับพันธมิตรญี่ปุ่นออกไปเป็นปี 61 ทำให้ในปีนี้มีจำนวนการเปิดโครงการใหม่ทั้งหมด 9 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 9.03 พันล้านบาท จากเดิมที่วางแผนเปิด 10 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 1.2 หมื่นล้านบาท
"ครึ่งปีหลังทั้งยอดขายและผลการดำเนินงานของเสนาฯ ก็คงออกมาดีกว่าครึ่งปีแรก เพราะการเปิดโครงการที่เพิ่มมากขึ้นและเป็นโครงการคอนโดมิเนียมส่วนใหญ่ ซึ่งวางแผนเปิดโครงการคอนโดใหม่ 3 โครงการพร้อมกันในวันที่ 30 ก.ย.-1 ต.ค.ที่จะเข้ามาหนุนยอดขายช่วงโค้งสุดท้ายของปี ส่วนในแง่ของการโอนก็จะมีการโอนเพิ่มขึ้นกว่าครึ่งปีแรก เพราะมีโครงการใหม่ทยอยโอนอีก 3 โครงการ อีกทั้งยังมีสต๊อกที่รอขายพร้อมโอนอีก 1 พันล้านบาท หรือ 500-600 ยูนิต ที่จะมีการทยอยขายและรับรู้รายได้เข้ามา"น.ส.เกษรา กล่าว
น.ส.เกษรา กล่าวอีกว่า ภาพรวมอสังหาริมทรัพย์ของไทยในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้มองว่ายังเดินหน้าไปได้ด้วยดี จากปัจจัยหนุนสำคัญ คือ การเติบโตของเศรษฐกิจที่ค่อยๆ เห็นการฟื้นตัวดีขึ้น อัตราดอกเบี้ยยังต่ำ และการลงทุนโครงการสร้างพื้นฐาน โดยเฉพาะการขยายเส้นทางรถไฟฟ้าสายต่างๆ ซึ่งจะเห็นว่าในช่วงครึ่งปีหลังผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์หลายรายทยอยเปิดโครงการกันมากขึ้น ซึ่งทำให้มีปริมาณซัพพลายเติมเข้ามา จึงคาดว่าซัพพลายของภาคอสังหาริมทรัพย์ในปีนี้จะเพิ่มขึ้น 5-10% จากปีก่อน
"การลงทุนของภาครัฐที่เป็นการลงทุนขยายและเชื่อมต่อเส้นทางรถไฟฟ้า ถือเป็นปัจจัยที่มี Impact มากต่อภาคอสังหาฯ ซึ่งจะสร้างความน่าสนใจเองการลงทุนในแต่ละทำเลที่แตกต่างกัน จะเห็นได้จากการเชื่อมต่อของสถานีเตาปูนระหว่างสายสีน้ำเงินกับสายสีม่วง จากตอนแรกที่ยังไม่เชื่อมกัน คนใช้น้อยมาก แต่ตอนนี้เปิดบริการเชื่อมกันแล้วมีปริมาณคนใช้บริการเพิ่มขึ้นอย่างมาก ซึ่งทำให้เห็นถึงว่าการลงทุนของรัฐจะเป็นปัจจัยที่ขับเคลื่อนโอกาสของการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ และเป็นโอกาสในการพัฒนาพื้นที่ใหม่ๆ"น.ส.เกษรา กล่าว
สำหรับความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง แม้ว่าอาจจะได้รับแรงกดดันด้านกำลังซื้อที่ยังชะลอตัว ทำให้การตัดสินใจซื้อยังไม่ได้รวดเร็วมาก ประกอบกับความเข้มงวดของสถาบันการเงินที่ยังเข้มงวดการอนุมัติสินเชื่อในลูกค้าบางกลุ่ม แต่ขณะนี้แนวโน้มอัตราการปฏิเสธสินเชื่อเริ่มลดลง เป็นผลจากการที่บริษัทแนะนำให้ลูกค้าเตรียมตัวอย่างดีก่อนยื่นขอสินเชื่อ และการทำ Pre-approve ทำให้อัตราการปฏิเสธสินเชื่อของลูกค้าบริษัทลดลงมาอยู่ที่ราว 10% จากปีก่อนอยู่ที่ 20%
บริษัทยังมุ่งเน้นการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ มาพัฒนาสินค้าและบริการของบริษัทให้ดียิ่งขึ้น ภายใต้ธีม "Eco Innovation"ที่ใช้แนวคิดลบ 2 บวก 1 ซึ่งเป็นการประหยัดเวลา ประหยัดพลังงาน และเพิ่มประสิทธิภาพ โดยในด้านการประหยัดพลังงานบริษัทได้มีการใช้ไฟฟ้าจากแผงโซลาร์ที่ช่วยลดค่าใช้จ่ายส่วนกลางและเป็นพลังงานสะอาด การทำแอพพลิเคชั่น SENA 360 SERVICE ที่ช่วยให้ลูกค้าเข้าถึงการบริการหลังการขายได้อย่างง่ายดาย