นายบุญชัย สุวรรณวุฒิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ผลธัญญะ (PHOL) เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่าผลประกอบการในช่วงครึ่งปีหลังจะปรับตัวดีขึ้น หลังจากบริษัทบริษัทเดินหน้ารุกทุกธุรกิจ โดยในช่วงครึ่งปีแรกกลุ่มสินค้าและบริการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมในการทำงาน (SAFETY) ซึ่งเป็นธุรกิจหลักของบริษัทฯ และกลุ่มสินค้าและบริการด้านการควบคุมสภาพแวดล้อม (CE) มีการเติบโตที่ดีอย่างต่อเนื่อง โดยมีสัดส่วนรายได้รวมกัน 90% ของรายได้ทั้งหมด
ขณะที่กลุ่มสินค้าและบริการด้านระบบบำบัดน้ำเพื่ออุปโภคบริโภค (WATER) ได้รับผลกระทบจากปัญหาการก่อสร้างโครงการน้ำประปาชุมชนล่าช้า อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ได้เร่งแก้ไขปัญหา เร่งรัดงานก่อสร้าง สามารถทยอยส่งมอบงานได้แล้วหลายโครงการ โดยบริษัทฯ จะเร่งส่งมอบงานโครงการที่ล่าช้าทั้งหมดให้แล้วเสร็จภายในปีนี้
ด้านการเรียกร้องค่าปรับคืนจากผู้รับเหมา บริษัทฯได้เริ่มดำเนินการตามกฎหมายกับผู้รับเหมาแล้ว แต่เพื่อความระมัดระวังตามหลักบัญชี บริษัทฯ จึงตั้งสำรองหนี้ค่าปรับดังกล่าวทั้งจำนวน ทำให้ผลประกอบการงวดไตรมาส 2 และ งวด 6 เดือนแรกของปีนี้ มีผลขาดทุน อย่างไรก็ตาม หากบริษัทฯได้รับชำระคืนค่าปรับดังกล่าวจากผู้รับเหมา บริษัทฯ จะรับรู้เป็นรายได้ต่อไปในอนาคต
ทั้งนี้ ไตรมาส 2/60 บริษัทมีรายได้จากการขายและการให้บริการที่ 252.15 ล้านบาท ลดลง 16.95% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่ 303.61 ล้านบาท โดยมีรายได้จากกลุ่มสินค้าและบริการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน และกลุ่มสินค้าด้านการควบคุมสภาพแวดล้อมเพิ่มขึ้น
สำหรับกลุ่มสินค้าและบริการด้านระบบบำบัดน้ำ รับรู้รายได้จากการรับเหมาก่อสร้างโครงการระบบน้ำประปาชุมชนลดลง และจากปัญหาการก่อสร้างโครงการน้ำที่ล่าช้า ในไตรมาส 2/60 บริษัทฯ ได้ประมาณการหนี้สินที่เกิดจากความล่าช้าของโครงการจำนวน 137.81 ล้านบาท โดยเป็นหนี้สินที่บริษัทฯ สามารถเรียกร้องจากผู้รับจ้างจำนวน 113.05 ล้านบาท และเพื่อความระมัดระวัง บริษัทฯ จึงรับรู้ค่าปรับดังกล่าวที่เกิดขึ้นในปี 60 เป็นต้นทุนการก่อสร้างทั้งจำนวน และตั้งสำรองหนี้สงสัยจะสูญสำหรับลูกหนี้ค่าปรับเป็นจำนวน 60.50 ล้านบาท ทำให้ไตรมาส 2/60 มีผลขาดทุนสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นบริษัทใหญ่จำนวน 85.63 ล้านบาท จากไตรมาส 2/59 ที่มีกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นบริษัทใหญ่จำนวน 13.59 ล้านบาท
ขณะที่ผลประกอบการงวด 6 เดือนแรกของปี 60 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายและการให้บริการรวม 500.37 ล้านบาท ลดลง 12.57% เมื่อเทียบกับงวด 6 เดือนแรกของปีก่อนที่ 572.34 ล้านบาท และมีผลขาดทุนสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นใหญ่ 96.61 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 23.55 ล้านบาท
ทั้งนี้ จากธุรกิจหลักด้านการจัดจำหน่ายสินค้าและให้บริการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัยและสิ่งแวดล้อม และสินค้านการควบคุมสภาพแวดล้อม ที่สามารถดำเนินการได้เติบโตตามแผน และภาคอุตสาหกรรมซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าหลักมีแนวโน้มขยายตัว มีความต้องการใช้สินค้าและบริการของบริษัทฯเพิ่มมากขึ้น ด้านธุรกิจน้ำ พยายามเร่งส่งมอบงานโครงการ เชื่อว่าจะสนับสนุนผลประกอบการในช่วงครึ่งหลังให้ดีขึ้น
"ผลกระทบจากธุรกิจน้ำที่ส่งมอบงานล่าช้า ทำให้ภาพรวมผลประกอบการของบริษัทไม่เป็นไปตามเป้าหมาย อย่างไรก็ตาม บริษัทไม่ได้นิ่งนอนใจ พยามยามเร่งแก้ไขปัญหาด้านงานโครงการ ซึ่งมีแนวโน้มที่ดีขึ้น และธุรกิจหลักด้านการจัดจำหน่ายสินค้าและให้บริการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสิ่งแวดล้อม หรือ SAFETY รวมถึงสินค้าด้านการควบคุมสภาพแวดล้อม หรือ CE ยังเติบโตได้ตามแผน บริษัทยังเดินหน้าตามกลยุทธ์ที่วางไว้ เชื่อว่าผลประกอบการของบริษัทจะดีขึ้น สามารถสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้ถือหุ้นและนักลงทุน" นายบุญชัย กล่าว