นายสมิทธ์ พนมยงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.ไทยพาณิชย์ เปิดเผยว่า ภาพรวมการลงทุนตลาดหุ้นต่างประเทศมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นได้ต่อเนื่อง โดยปัจจุบันนั้นยังไม่มีสัญญาณในเชิงลบที่ชัดเจนต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจทั่วโลก และถึงแม้ว่าความคาดหวังของนักลงทุนต่อนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ได้ลงมาอยู่ในระดับที่ต่ำ แต่เศรษฐกิจทั่วโลกยังคงขยายตัวในระดับที่ดีอย่างต่อเนื่อง ซึ่งส่งผลให้อัตราผลกำไรของบริษัทประกอบการมีแนวโน้มที่จะดีขึ้น
นอกจากนี้การส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา (FED) ที่เป็นไปอย่างค่อยเป็นค่อยไปเป็นการสนับสนุนตลาดหุ้นทั่วโลก ทั้งนี้ปัจจัยเสี่ยงที่นักลงทุนต้องจับตามองได้แก่ ปัญหาการเมืองระหว่างประเทศ และการลดขนาดงบดุล (Balance Sheet) ของ FED ซึ่งตลาดคาดว่าจะเกิดขึ้นภายในปีนี้
สำหรับตลาดหุ้นยุโรปมีแนวโน้มที่จะกลับมาฟื้นตัวในครึ่งหลังของปีนี้ เนื่องจากตัวเลขเศรษฐกิจของยูโรโซนและสหราชอาณาจักรได้ออกมาดีต่อเนื่อง และผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในยุโรปที่ออกมาดีกว่าที่ตลาดคาดการณ์ ทั้งนี้นักลงทุนยังมีความกังวลถึงค่าเงินยูโรที่แข็งค่ามาเกือบ 12% ตั้งแต่ต้นปีเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งจะมีผลกระทบต่อรายได้ของบริษัทที่เป็นผู้ส่งออก นอกจากนี้ปัจจัยเสี่ยงยังคงเป็นการเลือกตั้งของประเทศอิตาลีที่จะต้องเกิดขึ้นภายในเดือน พ.ค.61 อีกปัจจัยหนึ่งได้แก่การส่งสัญญาณที่จะชะลอวงเงินการซื้อสินทรัพย์ของธนาคารกลางยุโรปซึ่งจะส่งผลลบต่อเศรษฐกิจผ่านทางต้นทุนทางการเงินที่ปรับสูงขึ้น
นอกจากนี้ตลาดหุ้นจีนมีแนวโน้มที่จะยังเป็นขาขึ้น เนื่องจากตัวเลขเศรษฐกิจโดยรวมแล้วยังออกมาในระดับที่ดี โดยตลาดคาดการณ์อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) ของจีนในปี 60 จะออกมาที่ประมาณ 6.6%-6.8% โดยมีปัจจัยหนุนจากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานและการบริโภคในประเทศ ในขณะที่ราคาหุ้นยังต่ำเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นเอเชียโดยรวม อีกทั้งตลาดหุ้น A-Share ยังมีปัจจัยบวกจากการที่ MSCI จะนำตลาดหุ้น A-Share เข้าไปคำนวณในดัชนี MSCI Emerging Market ต่างๆ
ทั้งนี้ มีปัจจัยที่ต้องจับตาคือ ประเด็นนโยบายกีดกันการค้าของสหรัฐอเมริกาที่มุ่งเป้ามายังประเทศจีน และหนี้สินที่สูงในประเทศจีน โดยหนี้สินรวมต่อจีดีพีอยู่ที่ประมาณ 260% อย่างไรก็ตามรัฐบาลจีนได้มีการให้ความสำคัญกับปัญหาหนี้สินและฟองสบู่โดยการใช้นโยบายการเงินที่รัดกุมมากขึ้น
นายสมิทธ์ กล่าวว่า ในช่วงตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาจนถึง ณ วันที่ 15 ส.ค.60 กองทุนหุ้นต่างประเทศทั้ง 3 กองทุนสามารถปรับตัวเป็นบวก โดยกองทุนเปิดไทยพาณิชย์ โกลบอลอิควิตี้ (SCBGEQ) มีนโยบายเน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมต่างประเทศเพียงกองทุนเดียว ได้แก่ กองทุน Veritas Global Focus (กองทุนหลัก) ชนิดหน่วยลงทุน (share class) “C share class" ใน class ที่ลงทุนด้วยสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ (USD) มีผลการดำเนินงานตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 19.26% และ 1 ปี อยู่ที่ 15.13% ขณะที่เกณฑ์มาตรฐานจากต้นปีอยู่ที่ 12.73% และ 1 ปีอยู่ที่ 14.50%
กองทุนเปิดไทยพาณิชย์หุ้นยุโรป(SCBEUEQ) มีนโยบายการลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมต่างประเทศเพียงกองทุนเดียว ได้แก่ iShares STOXX Europe 600 (DE) มีผลการดำเนินงานตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 7.45% และ 1 ปี อยู่ที่ 14.72% ขณะที่เกณฑ์มาตรฐานจากต้นปีอยู่ที่ 6.95% และ 1 ปีอยู่ที่ 14.56%
ส่วนกองทุนเปิดไทยพาณิชย์หุ้นจีนเอแชร์ (SCBCHA) ซึ่งเน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมต่างประเทศเพียงกองทุนเดียว ได้แก่ ChinaAMC CSI 300 Index ETF มีผลการดำเนินงานตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 8.26% และ 1 ปี อยู่ที่ 3.26% ขณะที่เกณฑ์มาตรฐานจากต้นปีอยู่ที่ 12.42% และ 1 ปีอยู่ที่ 10.32%