นายวรวิทย์ เลิศบุษศราคาม รองผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายโรงงาน บมจ.ทีพีไอ โพลีน เพาเวอร์ (TPIPP) กล่าวว่า บริษัทอยู่ระหว่างศึกษาขยายการลงทุนด้านพลังงานทดแทนในต่างประเทศ ซึ่งเน้นการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนสูง โดยเบื้องต้นมองความเป็นไปได้ใน 5-6 ประเทศ แต่ยังไม่มีข้อสรุป อย่างไรก็ตามหากมีการลงทุนเกิดขึ้น บริษัทก็มีความพร้อมในด้านแหล่งเงินลงทุน จากปัจจุบันมีเงินสดในมืออยู่ 6,800 ล้านบาท เพื่อขยายพอร์ตการผลิตไฟฟ้าของบริษัท
"เราศึกษาอยู่ในหลายประเทศ โดยนโยบายการลงทุนในต่างประเทศ จะต้องมีผลตอบแทนที่สูงกว่าในประเทศ และต้องมีความเสี่ยงที่ต่ำ ซึ่งเบื้องต้นมองความเป็นไปได้ใน 5-6 ประเทศ ทั้งที่อยู่ใน CLMV ก็มี และนอกจากประเทศดังกล่าวก็มี แต่เรายังไม่ได้ข้อสรุปในขณะนี้"นายวรวิทย์ กล่าว
นายวรวิทย์ กล่าวอีกว่า บริษัทยังอยู่ระหว่างศึกษาความคุ้มทุนในการเข้าประมูลโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในแบบ SPP Hybrid Firm โดยภาครัฐจะรับซื้อไฟฟ้าจำนวนรวม 300 เมกะวัตต์ และการเสนอขายไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงขยะชุมชน ที่จะเปิดรับซื้อราว 100 เมกะวัตต์ ซึ่งคาดว่าภาครัฐจะเปิดประมูลในช่วงไตรมาส 4/60
ส่วนธุรกิจสถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิงและก๊าซธรรมชาติ (NGV) ที่ปัจจุบันมีอยู่ 12 แห่งนั้น บริษัทก็จะไม่ลงทุนขยายสถานีบริการเพิ่มอีก เนื่องจากมาร์จิ้นน้อย และไม่มีโรงกลั่นเป็นของตนเอง ซึ่งน่าจะส่งผลให้สัดส่วนรายได้ดังกล่าวปรับตัวลงเหลือ 5% ในปี 61 จากปัจจุบันมีสัดส่วนรายได้อยู่ที่ 15% โดยจะเน้นธุรกิจโรงไฟฟ้าเป็นหลัก
โดยแนวโน้มผลการดำเนินงานในปีนี้ บริษัทมั่นใจว่ารายได้และกำไรสุทธิจะเติบโตอย่างก้าวกระโดดจากปีก่อน โดยเฉพาะในช่วงครึ่งหลังปีนี้ผลการดำเนินงานจะเติบโตดีกว่าครึ่งปีแรก ที่มีรายได้รวม 2.56 พันล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 1.4 พันล้านบาท เนื่องจากในช่วงไตรมาส 4/60 จะสามารถจ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) สำหรับโรงไฟฟ้าใหม่อีก 3 โรง ซึ่งจะทำให้มีกำลังการผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 440 เมกะวัตต์
พร้อมกันนี้บริษัทเตรียมประชุมคณะกรรมการในปลายเดือนส.ค.นี้ เพื่อพิจารณาจ่ายเงินปันผลงวดไตรมาส 2/60 เนื่องจากมีเงินสดในระดับที่สูง โดยที่ผ่านมาในไตรมาส 1/60 บริษัทได้จ่ายปันผลไปแล้ว 10 สตางค์/หุ้น ขณะที่มีนโยบายการจ่ายเงินปันผลในอัตราไม่ต่ำกว่า 50% ของกำไรสุทธิ