ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรของ บมจ. ฐิติกร (TK) ที่ระดับ “A-" โดยอันดับเครดิตดังกล่าวสะท้อนถึงผลงานของบริษัทในธุรกิจสินเชื่อรถจักรยานยนต์และคณะผู้บริหารที่มีประสบการณ์ นอกจากนี้ อันดับเครดิตยังสะท้อนถึงความสามารถในการดำรงสถานะหนึ่งในผู้นำตลาดสินเชื่อรถจักรยานยนต์ของบริษัท รวมถึงการมีตลาดที่กว้างขวางผ่านเครือข่ายสาขาจำนวนมาก และโครงสร้างเงินทุนที่แข็งแกร่งด้วย
อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตยังคงมีข้อจำกัดจากความเสี่ยงจากการกระจุกตัวของธุรกิจซึ่งมีผลิตภัณฑ์หลักเพียงประเภทเดียวคือสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ รวมถึงการมีกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่มีความอ่อนไหวต่อภาวะเศรษฐกิจเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ สถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบันและสภาวะการแข่งขันในอุตสาหกรรมยังอาจจำกัดแผนการขยายธุรกิจและความสามารถในการทำกำไรของบริษัทด้วย
สินเชื่อของบริษัทฐิติกรเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องระหว่างปี 2550-2556 โดยเพิ่มขึ้นจาก 5,196 ล้านบาทเป็น 9,624 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปีเท่ากับ 10.8% อย่างไรก็ตาม ในช่วงเศรษฐกิจขาลงที่ผ่านมาสินเชื่อของบริษัทหดตัวลงถึง 13.7% เป็น 8,303 ล้านบาทในปี 2557 และลดลงอีก 6.4% เป็น 7,771 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2558 สินเชื่อของบริษัทกลับมาเติบโตอีกในปี 2559 และปี 2560 โดยเพิ่มขึ้น 6.2% จากสิ้นปี 2558 เป็น 8,252 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2559 และเพิ่มขึ้น 8.5% จากต้นปี 2560 จนถึงปัจจุบัน เป็น 8,953 ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2560 สินเชื่อของบริษัท ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2560 ประกอบด้วยสินเชื่อรถจักรยานยนต์ซึ่งคิดเป็น 91.4% ของสินเชื่อรวม ในขณะที่อีก 7.5% และ 1% เป็นสินเชื่อรถยนต์และสินเชื่อส่วนบุคคล ตามลำดับ
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ยอดสินเชื่อคงค้างของบริษัทจะลดลงในปี 2557 และปี 2558 แต่การเติบโตของสินเชื่อของบริษัทในระยะหลังก็ทำให้บริษัทยังคงสามารถดำรงสถานะหนึ่งในผู้นำตลาดในธุรกิจให้สินเชื่อรถจักรยานยนต์เอาไว้ได้ บริษัทยังมีการกระจายฐานการตลาดที่กว้างขวางกว่าคู่แข่งโดยให้บริการผ่านสาขาที่ครอบคลุม 54 จังหวัดทั่วประเทศ อีกทั้งยังเปิดบริการให้สินเชื่อรถจักรยานยนต์ในประเทศกัมพูชาและประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป. ลาว) ผ่านบริษัทลูกซึ่งจัดตั้งในปี 2557 คือ Suosdey Finance PLC และ Sabaidee Leasing Co., Ltd. ตามลำดับด้วย ในปี 2560 Suosdey Finance ยังได้เปิดสาขาในประเทศกัมพูชาเพิ่มอีก 2 แห่งด้วย การมีเครือข่ายสาขาภายในประเทศที่แข็งแกร่งส่งผลให้บริษัทมีความได้เปรียบในการแข่งขันที่เหนือกว่าคู่แข่งรายอื่น ๆ ซึ่งมักเน้นเฉพาะลูกค้าในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ทั้งนี้ คณะผู้บริหารและพนักงานที่มีประสบการณ์ยาวนาน ตลอดจนเครือข่ายสาขาที่กว้างขวาง และระบบการบริหารงานและการจัดเก็บหนี้ที่มีประสิทธิภาพเป็นปัจจัยสนับสนุนความพยายามของบริษัทที่จะดำรงสถานะผู้นำตลาดเอาไว้ได้
คุณภาพสินเชื่อโดยรวมของบริษัทฟื้นตัวขึ้นตั้งแต่ปี 2559 หลังจากลดต่ำลงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2556 จนถึงปี 2558 จากผลของเศรษฐกิจที่ชะลอตัวและสถานการณ์ทางการเมืองที่ขาดเสถียรภาพต่อเนื่องยาวนาน โดยปัจจัยทั้ง 2 ประการส่งผลกระทบต่อความสามารถในการชำระหนี้ของลูกหนี้ของบริษัท อัตราส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ของบริษัทปรับลดลงเป็น 4.8% ณ สิ้นปี 2559 และคงที่ที่ 4.8% ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2560 จากระดับ 5.2% ณ สิ้นปี 2558 ทริสเรทติ้งเชื่อว่าบริษัทจะสามารถควบคุมและปรับปรุงคุณภาพสินเชื่อให้ดีขึ้นได้โดยการเพิ่มความเข้มงวดในกระบวนการการให้สินเชื่อและการจัดเก็บหนี้ให้เข้มแข็งยิ่งขึ้น
นับตั้งแต่ปี 2556 เป็นต้นมา ราคารถจักรยานยนต์มือสองลดลงโดยตลอดเนื่องจากมีการนำรถจักรยานยนต์รุ่นใหม่ ๆ ออกมาวางจำหน่ายอย่างต่อเนื่อง รวมถึงสภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวในช่วงเดียวกันได้ส่งผลต่อการลดลงของอุปสงค์ที่มีต่อรถจักรยานยนต์มือสอง ส่งผลทำให้ผู้ประกอบการส่วนใหญ่มีผลขาดทุนจากการขายรถจักรยานยนต์ยึดคืนเพิ่มขึ้น บริษัทก็มีอัตราส่วนค่าใช้จ่ายดำเนินงานต่อรายได้รวมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา โดยเพิ่มจาก 47.2% ในปี 2555 เป็น 56.7% ในปี 2569 และในช่วงครึ่งแรกของปี 2560 อัตราส่วนดังกล่าวปรับลดลงเล็กน้อยเป็น 54.7% แม้ว่าราคารถจักรยานยนต์มือสองจะลดต่ำลง แต่บริษัทก็สามารถจำหน่ายรถจักรยานยนต์ยึดคืนในราคาที่สูงกว่าผู้ประกอบการรายอื่นเนื่องจากบริษัทมีศูนย์ปรับสภาพรถเป็นของตนเองก่อนที่จะนำออกประมูล
กำไรสุทธิของบริษัทปรับเพิ่มขึ้นอย่างมากในปี 2558 โดยเพิ่มขึ้นถึง 106.2% เป็น 408 ล้านบาท จากระดับที่ต่ำเพียง 198 ล้านบาทในปี 2557 กำไรสุทธิยังคงปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในปี 2559 เป็น 430 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 5.3% จากปี 2558 ในช่วงครึ่งแรกของปี 2560 กำไรสุทธิของบริษัทเพิ่มขึ้น 3.9% เป็น 224 ล้านบาทเมื่อเทียบกับ 216 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ในขณะเดียวกันอัตราส่วนผลตอบแทนต่อสินทรัพย์รวมถัวเฉลี่ยก็ปรับเพิ่มขึ้นเป็น 4.8% ในปี 2558 และ 5.1% ในปี 2559 แต่ปรับลดลงเล็กน้อยเป็น 5% (ปรับเป็นตัวเลขเต็มปีแล้ว) ในช่วงครึ่งแรกของปี 2560 ในอนาคต ทริสเรทติ้งคาดหวังว่าบริษัทจะสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายที่เกิดจากคุณภาพลูกหนี้และค่าใช้จ่ายดำเนินงานได้ ซึ่งจะส่งผลให้ความสามารถในการทำกำไรของบริษัทฟื้นตัวขึ้นไปอยู่ในระดับที่น่าพอใจเหมือนในช่วงที่ผ่านมา
บริษัทมีมูลค่าสินทรัพย์และหนี้สินที่สอดคล้องกัน ตั้งแต่ปี 2548 บริษัทดำรงสัดส่วนเงินกู้ยืมระยะยาวซึ่งรวมถึงเงินกู้ยืมระยะยาวที่มีกำหนดชำระภายใน 1 ปีให้สูงเกินกว่า 60% ของเงินกู้ยืมทั้งหมดเพื่อที่จะลดความแตกต่างของสินทรัพย์และหนี้สินที่จะครบกำหนด นอกจากนี้ บริษัทยังสามารถลดทอนความเสี่ยงด้านสภาพคล่องได้โดยการกระจายแหล่งเงินทุนจากภายนอกผ่านการกู้ยืมในตลาดทุนและจากสถาบันการเงินต่าง ๆ อีกทั้งกระแสเงินสดที่บริษัทได้รับจากการผ่อนชำระรายเดือนจากลูกค้าในธุรกิจสินเชื่อเช่าซื้อก็ช่วยเสริมสภาพคล่องให้แก่บริษัทอีกด้วย
ถึงแม้ว่าสินเชื่อของบริษัทจะชะลอตัวลงในช่วงปี 2557 แต่บริษัทก็ยังคงรักษาฐานทุนให้อยู่ในระดับที่แข็งแกร่งได้จากการมีกำไรที่ต่อเนื่องในช่วงปีที่ผ่านมา โดยอัตราส่วนของส่วนของผู้ถือหุ้นต่อสินทรัพย์รวมของบริษัทอยู่ในระดับสูงในช่วง 40%-55% ระหว่างปี 2550 จนถึง ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2560 ทริสเรทติ้งคาดหวังว่าบริษัทจะรักษาอัตราส่วนโครงสร้างเงินทุนที่แข็งแกร่งนี้เอาไว้ได้ ทั้งนี้ ฐานทุนที่แข็งแกร่งจะช่วยรองรับความเสี่ยงด้านเครดิตที่สูงของกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของบริษัทซึ่งเป็นกลุ่มที่มีความอ่อนไหวต่อการเปลี่ยนแปลงของภาวะเศรษฐกิจ
แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable" หรือ “คงที่" สะท้อนถึงความคาดหมายว่าคณะผู้บริหารที่มีความสามารถและประสบการณ์รวมถึงการมีเครือข่ายสาขาที่กว้างขวางจะช่วยให้บริษัทสามารถดำรงสถานะหนึ่งในผู้นำตลาดและเสริมสร้างผลประกอบการทางการเงินให้แข็งแกร่งต่อไปได้
การปรับเพิ่มอันดับเครดิตหรือแนวโน้มอันดับเครดิตขึ้นอยู่กับพัฒนาการที่ดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญของสถานะทางธุรกิจและการเงินของบริษัท อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตหรือแนวโน้มอันดับเครดิตอาจถูกปรับลดลงหากคุณภาพสินทรัพย์ของบริษัทลดลงไปมากกว่านี้และส่งผลกระทบต่อความสามารถในการทำกำไรและฐานทุนของบริษัท