นายเมธี วินิชบุตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน บมจ.สิงห์ เอสเตท (S) เปิดเผยว่า บริษัทยังหวังว่าผลประกอบการปีนี้จะออกมามีกำไร แม้ว่าช่วงครึ่งปีแรกจะพลิกเป็นขาดทุนราว 28.02 ล้านบาท เนื่องจากในช่วงที่เหลือของปีนี้บริษัทไม่มีค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นครั้งเดียวเหมือนในช่วงไตรมาส 2/60 อีก ประกอบกับ บริษัทจะเริ่มรับรู้รายได้จากการให้เช่าพื้นที่อาคารสำนักงานภายในโครงการสิงห์คอมเพล็กซ์จากเครือบุญรอด ระยะเวลาสัญญาเช่ายาว 50 ปี
"ในช่วงไตรมาส 2/60 เป็นช่วงที่เริ่มเข้าสู่ช่วงโลว์ซีซั่น และจะยังต่อเนื่องมาถึงไตรมาส 3/60 ทำให้รายได้จากโรงแรมปรับตัวลดลงไป ประกอบกับในช่วงไตรมาส 2 มีค่าใช้จ่ายในการทำรายได้ต่างๆทำให้ผลประกอบการครึ่งปีแรกออกมามีผลขาดทุน แต่เราก็ยังคงตั้งเป้าหมายทั้งปีผลประกอบการจะออกมามีกำไร เนื่องจากโรงแรมจะเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นในช่วงไตรมาส 4 ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีโรงแรมอยู่ในเมืองไทย 2 แห่ง อังกฤษ 29 แห่ง และจะรับรู้รายได้จากการให้เช่าโครงการสิงห์คอมเพล็กซ์เข้ามาอีกด้วย"นายเมธี กล่าว
บริษัทตั้งเป้าจะมีสัดส่วนรายได้จากอสังหาริมทรัพย์ให้เช่า และอสังหาริมทรัพย์เพื่อขายเป็นสัดส่วน 50:50 ในปี 63 จากปัจจุบันสัดส่วนรายได้อยู่ที่ 40:60 โดยปัจจุบันบริษัทเจรจาเข้าซื้อกิจการใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะธุรกิจโรงแรม คาดว่าจะเห็นความชัดเจนในปี 61
ขณะเดียวกัน บริษัทหวังว่าภายใน 5 ปีต่อจากนี้ S จะปรับเปลี่ยนไปเป็นบริษัทโฮลดิ้ง โดยตั้งเป้าที่จะนำธุรกิจโรงแรมเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ และธุรกิจอาคารสำนักงานเพื่อเช่าจะจัดตั้งเป็นทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) เริ่มจากการขายอาคารซันทาวเวอร์ที่มีความพร้อมเป็นแห่งแรกเข้า REIT แต่คงยังไม่ใช่ภายในระยะเวลา 1-2 ปีนี้ เนื่องจากมองว่าขณะนี้ยังมีศักยภาพในการปรับเพิ่มค่าเช่า
สำหรับโครงการเมกะโปรเจ็คต์ของบริษัทในประเทศมัลดีฟส์ ซึ่งบริษัทแบ่งการลงทุนเป็น 2 เฟส ขณะนี้อยู่ระหว่างเจรจากับทางรัฐบาลเพื่อทำสัญญา ซึ่งในเฟสแรกจะสร้างเป็นโรงแรม มีทั้งร้านอาหาร ร้านค้าปลอดอากร และอารีน่า คาดว่าจะเริ่มทำสัญญาและเดินหน้าโครงการได้ในช่วงไตรมาส 4/60 ล่าช้าไปเล็กน้อยจากเดิมที่คาดว่าจะทำสัญญาโครงการได้ในเดือน ก.ย.นี้