KTBS ตั้งเป้าตรึงมาร์เก็ตแชร์ 1.5-2% พร้อมลดน้ำหนักรายได้ธุรกิจโบรกเกอร์-เตรียมฟื้นงาน IB รับมือการแข่งขันรุนแรง

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday August 23, 2017 16:30 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายวิน อุดมรัชตวนิชย์ ประธานกรรมการบริหาร บล.เคทีบี (ประเทศไทย) หรือ KTBST กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้ารักษาส่วนแบ่ง (มาร์เก็ตแชร์) ในธุรกิจนายหน้าค้าหลักทรัพย์ในระดับ 1.5-2% โดยมองว่าปริมาณการซื้อขายของตลาดหุ้นไทยจะอยู่ในระดับเฉลี่ย 35,000 ล้านบาท/วันในระยะเวลา 3 ปีต่อจากนี้ และเชื่อว่าการแข่งขันในธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์จะสูงขึ้นเรื่อยๆ

ดังนั้น บริษัทจึงมีเป้าหมายจะปรับลดสัดส่วนรายได้จากธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ลงเหลือ 25% ภายในปี 63 จากปัจจุบันอยู่ที่ 66.25% เพื่อรับมือกับภาพรวมธุรกิจที่มีความเปลี่ยนแปลง โดยสัดส่วนของรายได้อีก 75% ที่เหลือจะเน้นไปที่ธุรกิจ Wealth Management ,การบริการกองทุนส่วนบุคคล ,บริการซื้อขายกองทุนรวม และ การบริการลงทุนต่างประเทศ

"จะเห็นได้ว่าในช่วงที่ผ่านมาปริมาณการซื้อขายหุ้นก็ชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่อง เพราะภาพรวมตลาดหุ้นที่ Sideway และกำไรของบริษัทจดทะเบียนที่ไม่มากนัก โดยต่อจากนี้อีก 3 ปี เรามองว่าปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่เพียง 35,000 ล้านบาท ต่ำกว่าช่วงปีที่ผ่านมาที่สูงถึง 50,000 ล้านบาท ทำให้เราต้องมีการปรับตัวไปบุกขยายธุรกิจอื่นๆของเราเพิ่มเติมเพื่อให้มีการเติบโตมากขึ้นเรื่อยๆ แต่เราก็ยังจะคงส่วนแบ่งตลาดไว้ที่ 1.5-2%"นายวิน กล่าว

ส่วนบริการด้านวาณิชธนกิจ (IB) ปัจจุบันบริษัทยังถูกพักใบอนุญาตที่ปรึกษาทางการเงิน (FA) เป็นเวลา 2 ปีซึ่งจะครบกำหนดวันที่ 30 มิ.ย. 61 ทำให้ในช่วงนี้ยังไม่สามารถนำบริษัทเข้าระดมทุนด้วยการเสนอขายหุ้นให้ประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) ได้โดยตรง แต่บริษัทก็ได้เตรียมความพร้อมสำหรับการเดินหน้าธุรกิจหลังจากหมดระยะเวลาการพักใบอนุญาต โดยตั้งเป้าหมายจะนำบริษัทเข้าระดมทุน IPO ให้ได้ปีละ 4 บริษัท และมีมาร์เก็ตแคปรายละไม่ต่ำกว่า 5,000 ล้านบาท

ส่วนงานบริการบทวิเคราะห์การลงทุน และ Algorithmic Trading ซึ่งเพิ่งเปิดตัวเมื่อเดือน ธ.ค.59 โดยในช่วงกว่า 1 เดือนที่ผ่านมามีนักลงทุนเข้ามาใช้บริการคิดเป็นมูลค่ารวมกันกว่า 400 ล้านบาท ปัจจุบันบริษัทยังโฟกัสอยู่ที่หุ้นไทย แต่ในอนาคตจะขยายไปยังตลาดอนุพันธ์ และในช่วงครึ่งปีหลังคาดว่าจะขยายไปยังตลาดหุ้นต่างประเทศด้วยเช่นกัน โดยปีนี้ตั้งเป้าจะมีสินทรัพย์ภายใต้การบริหารเพิ่มเป็น 1 พันล้านบาท

นายวิน กล่าวถึงทิศทางตลาดหุ้นในข่วงนี้ว่านักลงทุนจับตาสถานการณ์วันที่ 25 ส.ค. นี้ ซึ่งเป็นวันที่ศาลฏีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองจะมีคำตัดสินในคดีจำนำข้าว มองว่าการเคลื่อนไหวของดัชนีหุ้นไทยในสัปดาห์นี้น่าจะอยู่ในกรอบแคบที่ 1,550-1,580 จุด

ทั้งนี้ หากคำตัดสินคดีจำนำข้าวออกมาไม่เป็นไปตามที่นักลงทุนคาด ดัชนีจะมีแรงกดดันให้ปรับลดลงแต่คาดว่าไม่หลุดระดับ 1,520 จุด แต่ถ้าคำตัดสินออกมาในเชิงสมานฉันท์ คาดว่าดัชนีจะปรับขึ้น แต่ก็จะยังอยู่ในกรอบจำกัด เนื่องจากขาดปัจจัยสนับสนุน หลังจากกำไรบริษัทจดทะเบียนในปีนี้เติบโตลดลง

KTBST ปรับลดอัตราการเติบโตของผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนในปีนี้ลงจากเดิมคาดว่าเติบโต 8-10% หลือ 4-8% เพราะผลประกอบการของกลุ่มธนาคารพาณิชย์ สถาบันการเงินที่ไม่ใช่ธนาคารพาณิชย์ และ รับเหมาก่อสร้าง ในไตรมาส 2/60 และครึ่งปีแรกออกมาน่ากังวล ส่งผลให้ทาง KTBST ปรับลดเป้าหมายดัชนีหุ้นไทยปีนี้เหลือ 1,610 จุด จากเดิมคาดว่าดัชนีสิ้นปีอยู่ที่ 1,640 จุด

กลยุทธ์การลงทุนในตลาดหุ้นไทย แนะนำให้พิจารณาเลือกหุ้นที่มีแนวโน้มฟื้นตัวกลับมา เช่น กลุ่มขนส่ง โดยเฉพาะเดินเรือ และกลุ่มที่ราคาหุ้นปรับลดลงมากแล้ว และมีแนวโน้มโอกาสปรับขึ้น เช่น BANPU, KCE ,PSL รวมทั้งกลุ่มที่จ่ายเงินปันผลสูงและสม่ำเสมอ เช่น INTUCH และ KKP

นายวิน ยังเปิดเผยอีกว่า ปัจจุบันบริษัทฯได้พยายามที่จะเข้าไปช่วย บมจ.อินเตอร์ ฟาร์อีสท์ เอ็นเนอร์ยี่ คอร์ปอเรชั่น (IFEC) เพื่อที่จะให้กลับมาดำเนินกิจการได้ เนื่องจากทางบริษัทฯได้เป็นผู้ออกตั๋วเงินระยะสั้น (B/E) มูลค่าราว 300 ล้านบาท แต่อย่างไรก็ตามการเข้าไปช่วยในครั้งนี้จะสำเร็จหรือไม่ก็ต้องขึ้นอยู่กับกรรมการของ IFEC ว่าจะมีทิศทางอย่างไรต่อไป


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ