นายชาญวิทย์ อนัคกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.พริมา มารีน (PRM) กล่าวว่า บริษัทคาดกำหนดราคาเสนอขายสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) พร้อมทั้งลงนามในสัญญาแต่งตั้งที่ปรึกษาทางการเงิน (Underwriter) ได้ภายในวันที่ 5 ก.ย.60 หลังจากทราบผลสำรวจความต้องการซื้อหลักทรัพย์ (Book Build) ในวันที่ 4 ก.ย.60 และคาดว่าจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ได้ในช่วงกลางเดือน ก.ย.นี้
PRM เป็นผู้ให้บริการขนส่งและจัดเก็บน้ำมันดิบ น้ำมันสำเร็จรูป น้ำมันกึ่งสำเร็จรูป และปิโตรเคมีทางเรืออย่างครบวงจรรายใหญ่สุดของไทย รวมถึงให้บริการเรือขนส่งที่สนับสนุนงานสำรวจและผลิตปิโตรเลียมกลางทะเล และการบริหารจัดการกองเรือของอุตสาหกรรมน้ำมันและปิโตรเคมี เพื่อให้บริการแก่ลูกค้าทั้งในและต่างประเทศในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก
บริษัทมีแผนจะเสนอขายหุ้น IPO จำนวนไม่เกิน 650 ล้านหุ้น แบ่งเป็น ส่วนแรกเป็นหุ้นสามัญเพิ่มทุนไม่เกิน 500 ล้านหุ้น ส่วนที่สองเป็นหุ้นสามัญเดิมที่เสนอขายโดยผู้ถือหุ้นเดิม คือ Austin Asset Limited จำนวน 105 ล้านหุ้น และบริษัท นทลิน จำกัด 45 ล้านหุ้น โดยมี บล.กสิกรไทย และธนาคารไทยพาณิชย์ เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน
นายชาญวิทย์ กล่าวว่า บริษัทจะจัดให้มีการให้ข้อมูลกับนักลงทุนทั้งสถาบันและรายย่อย (โรดโชว์) ในช่วงวันที่ 28-30 ส.ค.60 และ 1 ก.ย.60 โดยมั่นใจว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน เนื่องจากบริษัทเป็นผู้นำในการขนส่งน้ำมันและปิโตรเคมีเหลว (Tanker) และเป็นบริษัทที่มีการเติบโตต่อเนื่องทุกปี ขณะที่มองความต้องการใช้น้ำมันมีแนวโน้มเติบโตสูงเฉลี่ย 4% ต่อปี เป็นไปตามการเพิ่มกำลังการผลิตของโรงกลั่นที่เป็นพันธมิตรกับบริษัท
"เราจะเดินสายโรดโชว์ในช่วงสิ้นเดือนนี้ เพื่อสำรวจความสนใจของนักลงทุน ซึ่งน่าจะสรุปราคาไอพีได้ในวันที่ 4 ก.ย.นี้ และวันที่ 5 ก็จะมีการเซ็นอันเดอร์ไรท์ โดยเชื่อมั่นว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน เนื่องจากบริษัทมีการดำเนินงานมากอย่างยาวนาน มีพันธมิตรชั้นนำของประเทศ และมีการเติบโตต่อเนื่องในทุกๆปี ขณะที่ปัจจัยเสี่ยงของเราคือ ดีมานต์ของผู้ใช้น้ำมัน แต่เราก็เชื่อว่าความต้องการใช้น้ำมันยังคงเติบโตทุกปี เฉลี่ย 4%"นายชาญวิทย์ กล่าว
สำหรับวัตถุประสงค์ของการเข้าระดมทุนในครั้งนี้ บริษัทจะนำเงินไปใช้ในการขยายกองเรือ และซื้อเรือใหม่เพื่อทดแทนเรือลำเก่าที่มีอายุ การใช้งานสูงแล้ว โดยปัจจุบันกองเรือของบริษัทมีอายุเฉลี่ยอยู่ที่ 19 ปี ขณะที่บริษัทตั้งเป้าจะลดอายุของกองเรือมาอยู่ที่ 12 ปีภายในปี 63
ในปีนี้บริษัทมีแผนซื้อเรือเพิ่ม 5 ลำ โดยปัจจุบันซื้อเข้ามาแล้ว 3 ลำ เป็นเรือขนาดเล็ก 3,000 เดทเวทตัน จำนวน 2 ลำ และขนาดใหญ่ หรือขนาดมากกว่า 10,000 เดทเวทตัน จำนวน 1 ลำ ขณะที่มีกำหนดรับมอบเรือขนาด 3,000 เดทเวทตัน ในช่วงปลายปีนี้อีก 2 ลำ นอกจากนั้น บริษัทยังมีแผนจะซื้อเรือขนาดเล็กเพิ่มเติมอีก 1 ลำในปี 61 โดยจะใช้งบลงทุนสำหรับเรือขนาดเล็กลำละ 6-7 ล้านเหรียญสหรัฐ และเรือขนาดใหญ่ลำละ 20 ล้านเหรียญสหรัฐ