นายแสงชัย โชติช่วงชัชวาล ประธานคณะเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.พัฒน์กล (PK) คาดว่าผลประกอบการในปีนี้จะทำสถิติสูงสุดใหม่ หรือมีรายได้แตะระดับ 4 พันล้านบาท จากระดับ 3.74 พันล้านบาทเมื่อปีที่แล้ว ขณะที่ครึ่งปีแรกมีรายได้แล้ว 2.27 พันล้านบาท เป็นไปตามการเติบโตของธุรกิจเครื่องทำน้ำแข็งและระบบอุตสาหกรรมความเย็น, เครื่องจักรระบบผลิตภัณฑ์เหลวและแปรรูปอาหาร รวมถึงงานบริการและอะไหล่ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ พร้อมรักษาอัตรากำไรสุทธิไม่ต่ำกว่า 5% จากการควบคุมต้นทุนอย่างต่อเนื่อง
ขณะเดียวกันบริษัทมีแผนก่อสร้างโรงงานผลิตเครื่องระบายความร้อนของระบบทำความเย็น หรือ Evaporative Condenser และการลงทุนในด้านเครื่องจักรใหม่ในโรงงานผลิตที่จังหวัดเพชรบุรี รองรับตลาดในประเทศที่ยังเติบโตดี รวมถึงยังมีแผนขยายตลาดส่งออกไปยังต่างประเทศและในภูมิภาคอาเซียน โดยตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนการส่งออกเป็น 50% ใน 5 ปีข้างหน้า จากปัจุจบันมีสัดส่วนรายได้จากการส่งออกประมาณ 20% กระจายอยู่ในอาเซียน ตะวันออกกลาง ออสเตรเลีย ยุโรป สหรัฐอเมริกา และญี่ปุ่น
อนึ่ง PK เป็นผู้นำด้านเครื่องผลิตน้ำแข็ง และหนึ่งในผู้นำด้านธุรกิจวิศวกรรมเครื่องจักร สำหรับงานอุตสาหกรรมของเอเชียแปซิฟิค
นายแสงชัย คาดว่าแนวโน้มผลประกอบการในครึ่งปีหลังน่าจะทำได้ใกล้เคียงกับครึ่งปีแรก เนื่องจากปัจจุบันบริษัทมีงานในมือ (Backlog) อยู่ที่ 2.2 พันล้านบาท คาดว่าจะสามารถรับรู้รายได้ในปีนี้กว่า 90% โดยบริษัทมีการสต็อกเหล็กไว้แล้ว 30% ของงานที่มีอยู่ในมือ เพื่อป้องกันความเสี่ยงของราคาเหล็กที่มีโอกาสปรับตัวขึ้นในครึ่งปีหลัง และความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน
ส่วนการขยายตลาดไปยังแถบภูมิภาคอาเซียน ที่ผ่านมาบริษัทมีการจัดตั้งบริษัทและเปิดสำนักงานในทุกประเทศในแถบภูมิภาคอาเซียนทั้งในฟิลิปปินส์, มาเลเซีย, เมียนมา และเวียดนาม เป็นต้น ซึ่งต่อจากนี้ไป บริษัทจะมุ่งเน้นการขยายสินค้าให้มากขึ้น โดยให้ครอบคลุมทุกกลุ่มธุรกิจ ที่มีอยู่ 4 กลุ่ม จากเดิมที่มีสินค้าเพียง 1-2 ผลิตภัณฑ์ใน 1 ประเทศเท่านั้น ขณะที่การลงทุนในประเทศอินโดนีเชียที่มีความล่าช้า เป็นผลมาจากประสบปัญหาเรื่องของเสถียรภาพทางการเมือง บริษัทจึงมีการพิจารณาปรับแผนการลงทุน โดยจากเดิมที่จะลงทุนเอง เป็นการหาพันธมิตรที่มีธุรกิจเกี่ยวข้องกัน เพื่อลงทุนร่วมกัน แต่ยังไม่เห็นความชัดเจนในขณะนี้
นายแสงชัย กล่าวว่านอกจากในอาเซียนแล้ว บริษัทยังมองโอกาสขยายการลงทุนไปยังนอกกลุ่มประเทศอาเซียนอีกด้วย โดยเป็นลักษณะของการขายผลิตภัณฑ์ที่สามารถแข่งขันได้ แต่ยังไม่มีความคืบหน้ามากนัก โดยตั้งเป้าจะเพิ่มสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศเป็น 50% ใน 5 ปีข้างหน้า จากปัจจุบันมีสัดส่วนรายได้อยู่ที่ 20%
นอกจากนี้บริษัทวางงบลงทุนซื้อที่ดินแปลงใหม่ บนพื้นที่กว่า 10 ไร่ จำนวน 200-300 ล้านบาท เพื่อก่อสร้างโรงงานผลิต เครื่องระบายความร้อนของระบบทำความเย็น และการลงทุนในด้านเครื่องจักรใหม่ในโรงงานผลิตที่ จ.เพชรบุรี ซึ่งจะดำเนินการภายใต้บริษัทย่อย หรือบริษัท ฮีทอะเวย์ จำกัด ที่บริษัทถือหุ้น 100% คาดว่าจะซื้อที่ดินได้ภายในปีนี้ และน่าจะเริ่มดำเนินการผลิตได้ในช่วงปลายปี 61 ซึ่งจะส่งทำให้มีกำลังการผลิตเพิ่มขี้น 5-10% จากปัจจุบันมีกำลังการผลิตเต็ม 100% แล้ว โดยตั้งเป้าหมายรายได้เติบโตเป็น 500 ล้านบาท ภายใน 5 ปี
อย่างไรก็ตาม แหล่งเงินลงทุนจะมาจากเงินสดที่มีในมือ และการกู้เงินจากสถาบันทางการเงิน จากปัจจุบันมีหนี้สินต่อทุน (D/E) อยู่ที่ 1.4 เท่า
ส่วนที่ดินแปลงเดิมที่ จ.ฉะเชิงเทรา พื้นที่ 20 ไร่ ที่ได้ซื้อไว้ก่อนหน้านี้เพื่อก่อสร้างโรงงานดังกล่าวข้างต้นนั้น ปัจจุบันติดปัญหาที่ดินของส.ป.ก. ทำให้ไม่สามารถดำเนินการได้ตามแผน ฉะนั้นบริษัทจะมีการพิจารณาขายที่ดิน โดยอยู่ระหว่างรอจังหวะที่เหมาะสม
"เราคาดรายได้ปีนี้จะเติบโตแตะ 4,000 ล้านบาท จากการเติบโตของทุกธุรกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศ ขณะที่ปีหน้าเราจะสร้างมูลค่าให้กับผลิตภัณฑ์ และขยาย product ให้มากขึ้น ซึ่งเราตั้งเป้าที่จะมีรายได้เติบโตเฉลี่ยต่อปีไม่ต่ำกว่า 6%"นายแสงชัย กล่าว