นายประกอบเกียรติ นินนาท กรรมการผู้จัดการ บมจ.บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ (BAFS) เปิดเผยว่า บริษัทคงเป้าหมายรายได้ปีนี้จะเติบโตราว 5% จาก 3,712 ล้านบาทในปีก่อน ตามปริมาณการเติมน้ำมันท่าอากาศยานที่น่าจะเติบโตราว 4-5% มาที่ 5,800 ล้านลิตร จากปีก่อนที่ทำได้ 5,657 ล้านลิตร ขณะที่จำนวนเที่ยวบินที่เพิ่มขึ้น ตามการท่องเที่ยวของประเทศไทยถือว่ามีการฟื้นตัวขึ้นอย่างชัดเจน
โดยปริมาณการเติมน้ำมันท่าอากาศยานในครึ่งหลังปีนี้น่าจะดีกว่าระดับ 2,844 ล้านลิตรในครึ่งปีแรก เนื่องจากเป็นช่วงไฮซีซั่น ที่จะมีจำนวนนักท่องเที่ยวเดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทยจำนวนมาก โดยครึ่งปีแรกมีจำนวนนักท่องเที่ยวที่ใช้บริการท่าอากาศยานนานาชาติดอนเมือง (DMK) และท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (BKK) รวม 49 ล้านคน แบ่งเป็น ดอนเมือง 17.7 ล้านคน ส่วนที่เหลือเป็นสุวรรณภูมิ
"มองแนวโน้มในไตรมาส 3/60 น่าจะดีกว่าไตรมาส 2/60 ตามปริมาณการเติมน้ำมันที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ขณะที่ไตรมาส 4/60 ก็เป็นช่วงของไฮซีซั่นที่จะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาจำนวนมาก ซึ่งน่าจะส่งผลทำให้ทั้งปีปริมาณการเติมน้ำมันน่าจะเติบโตได้ราว 4-5% หรือมาที่ 5,800 ล้านลิตร ขณะเดียวกันเราก็ดำเนินการลดค่าใช้จ่ายอย่างต่อเนื่อง"นายประกอบเกียรติ กล่าว
นายประกอบเกียรติ กล่าวว่า บริษัทอยู่ระหว่างเสนอแผนธุรกิจ เพื่อจะเข้าไปให้บริการการเติมน้ำมัน ณ ท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภา ซึ่งหากได้เข้าไปให้บริการจะส่งผลให้มีสายการบินมาลงจอดมากขึ้น และส่งผลดีต่อปริมาณการเติมน้ำมันมากขึ้น ขณะเดียวกันด้านแหล่งเงินลงทุน บริษัทก็ถือว่ามีความพร้อม โดยมีเงินทุนรองรับไว้แล้ว
ส่วนความคืบหน้าโครงการท่าอากาศยานดอนเมืองระยะที่ 3 ปัจจุบันอยู่ระหว่างรอความชัดเจนของแผนการลงทุนจาก บมจ.ท่าอากาศยานไทย (AOT) ซึ่งคาดว่าจะเห็นความชัดเจนได้ในช่วงปลายปีนี้ถึงต้นปีหน้า โดยบริษัทได้จัดตั้งที่ปรึกษาในการวางระบบ เบื้องต้นคาดว่ามูลค่าการลงทุนจะอยู่ที่ 200-300 ล้านบาท โดยใช้สำหรับการวางท่อขนส่งน้ำมันใต้ดินและหลุมขุดเจาะ
สำหรับการดำเนินงานโครงการท่อส่งน้ำมันภาคเหนือที่พิจิตร-ลำปาง มูลค่า 8 พันล้านบาท ขณะนี้มีความคืบหน้าไปแล้วกว่า 29% ซึ่งบริษัทคาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จได้ตามแผนในปี 62 โดยโครงการดังกล่าวจะเริ่มสร้างคลังน้ำมันที่จ.พิจิตร ส่วนท่อขนส่งน้ำมันนั้นจะเริ่มขยายจากระบบท่อขนส่งน้ำมันเดิมที่คลังน้ำมันบางประอิน จ.พระนครศรีอยุธยา ไปสิ้นสุดที่คลังน้ำมันพิจิตร ระยะทาง 367 กิโลเมตร ส่วนโครงการระยะที่ 2 นั้น จะวางท่อจากสถานีเพิ่มแรงดันกำแพงเพชร ถึงคลังน้ำมันลำปาง อ.สบปราบ จ.ลำปาง ระยะทาง 202 กิโลเมตร
นายประกอบเกียรติ กล่าวว่า กรณีการปรับขึ้นภาษีน้ำมันเครื่องบินของประเทศในช่วงที่ผ่านมา แม้ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อผลประกอบการของบริษัทอย่างมีนัยสำคัญ แต่อาจจะส่งผลกระทบระยะยาวในด้านการแข่งขันกับผู้ประกอบรายใหญ่จากต่างประเทศ อย่างประเทศฮ่องกงและสิงคโปร์ เนื่องจากจะทำให้ราคาน้ำมันเครื่องบินในประเทศมีต้นทุนที่สูงกว่าต่างประเทศ
ขณะที่ผลกระทบกรณีการยื่นปลดธงแดงต่อองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) คาดว่าน่าจะทราบผลชัดเจนได้ในเดือนต.ค.นี้ ซึ่งที่ผ่านมาก็เริ่มเห็นบางสายการบินเริ่มกลับมาให้บริการและเพิ่มเส้นทางการบินในต่างประเทศ แต่บางสายการบินก็ยังไม่ได้รับการปลดล็อคดังกล่าว ทำให้บริษัทยังประเมินผลกระทบได้ยาก