นายวันจักร์ บุรณศิริ ประธานผู้บริหารสายงานการเงินและสนับสนุนธุรกิจ บมจ.แสนสิริ (SIRI) คาดว่ายอดขายในช่วงครึ่งหลังปี 60 จะมีจำนวนประมาณ 2.2 หมื่นล้านบาท มากกว่าครึ่งแรกของปีแรกที่มี 1.8 หมื่นล้านบาท ซึ่งมั่นใจว่ายอดขายปีนี้ได้ตามเป้าที่ 4 หมื่นล้านบาท เนื่องจากในช่วงครึ่งหลังปีนี้จะเปิดตัวโครงการใหม่มากกว่าครึ่งปีแรก
บริษัทมีแผนเปิดตัว 14 โครงการใหม่ในช่วงครึ่งปีหลัง มูลค่ารวมประมาณ 3.65 หมื่นล้านบาท จากทั้งปีนี้มีแผนเปิด 19 โครงการ มูลค่ารวม 4.47 หมื่นล้านบาท รวมทั้งคาดว่าจะมียอดขายจากลูกค้าต่างประเทศเข้ามาเพิ่มหลังจากทำได้แล้ว 4.2 พันล้านบาท ซึ่งลูกค้าต่างชาติส่วนใหญ่ราว 70% มาจากจีนและฮ่องกง ทั้งปีนี้คาดว่าจะมียอดขายในกลุ่มลูกค้าต่างประเทศราว 8 พันล้านบาท หรือคิดเป็น 20% ของยอดขายรวม คาดว่าปีหน้าจะเพิ่มขึ้นเป็น 25% ของยอดขายรวม
โครงการใหม่ที่จะเปิดตัวในครึ่งปีหลัง ได้แก่ คอนโดมิเนียม 6 โครงการ มูลค่า 2.11 หมื่นล้านบาท บ้านเดี่ยว 7 โครงการ มูลค่า 1.46 หมื่นล้านบาท ทาวน์เฮาส์ 1 โครงการ มูลค่า 800 ล้านบาท โดยโครงการคอนโดมิเนียม The Line สาทร (โดย SIRI-BTS JV) มูลค่า 4 พันล้านบาท มี 400 ยูนิต จะเปิดตัวในเดือน พ.ย.นี้ ซึ่งมีกระแสตอบรับดี, โครงการ taka HAUS (ทากะ เฮาส์) เอกมัย 10 (ร่วมกับโตคิว คอร์ปอเรชั่นจากญี่ปุ่น) มูลค่าโครงการ 2 พันล้านบาท เปิดขาย 15 ก.ย.นี้ คาดว่าจะมีลูกค้าชาวญี่ปุ่นเข้ามาซื้อ 10-15%
ส่วนบ้านเดี่ยว จะเปิดตัวโครงการ คณาสิริ ปิ่นเกล้า มูลค่าโครงการ 1.5 พันล้านบาท โครงการ เศรษฐสิริ แจ้งวัฒนะ -ประชาชื่น มูลค่าโครงการ 2.8 พันล้านบาท นอกจากนี้ ยังจะมีการเปิดตัวโครงการทาวน์เฮาส์ มูลค่า 800 ล้านบาทด้วย
"ตลาดบ้านเดี่ยว pick up ชัดเจน จากเมื่อไตรมาส 1 บ้านเดี่ยวชะลอตัว แต่ ไตรมาส 2 และไตรมาส 3 มีสัญญาณบ้านเดี่ยวดีต่อเนื่องชัดเจน ทำให้เราขยัยยอดพรีเซลเป็น 4 หมื่นล้านบาทและการขายให้ลูกค้าต่างประเทศดีขึ้นด้วย"นายวันจักร กล่าว
นายวันจักร์ ยังกล่าวว่า ยอดรับรู้รายได้ปีนี้ คาดว่าจะทำได้ 3.2 หมื่นล้านบาท มาจากการขายโครงการ 2.8 หมื่นล้านบาท และ อีก 4 พันล้านบาทมาจากบริษัทย่อย โดยในไตรมาส 4/60 จะเป็นไตรมาสที่มีรายได้มากที่สุด เพราะมีการโอนคอนโดมิเนียม 3 โครงการมีมูลค่ารวม 1 หมื่นล้านบาท ได้ก่ โครงการ The Line จตุจักร ที่มีมูลค่า 6 พันล้านบาท โครงการโมบิ เฮาส์ สุขุมวิท 77 มูลค่าโครงการ 2 พันล้านบาท และ โครงการเดอะโมโนเม้นท์ สนามเป้า มูลค่า 2 พันล้านบาท
ส่วนบริษัทร่วมทุนระหว่าง SIRI กับ บมจ.บีทีเอสกรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (BTS) น้น ในปีนี้คาดว่าขาดทุนเล็กน้อยหรือมีกำไรเล็กน้อย แต่ในปี 61 จะเห็นกำไรราว 700-800 ล้านบาท และปี 62 จะปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ หลังจากการรับรู้จากบริษัทร่วมทุนดังกล่าวเป็นการบันทึกขาดทุนต่อเนื่องมา 2 ปีแล้ว
ปัจจุบัน บริษัทมียอดขายรอโอน (Backlog) รวม 3.42 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นของ SIRI จำนวน 1.03 หมื่นล้านบาท และ BTS-SIRI JV มียอด 2.39 หมื่นล้านบาท
ทั้งนี้ บริษัทมีงบลงทุนซื้อที่ดินในปีนี้ 1.3 หมื่นล้านบาท ใช้ไปแล้ว 1 หมื่นล้านบาท โดยปัจจุบันบริษัทมีที่ดินในมือ (Land Bank) ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในกรุงเทพและปริมณฑลและรองรับการพัฒนาโครงการในช่วง 3-3.5 ปีข้างหน้า
นายวันจักร์ กล่าวอีกว่า SIRI เตรียมเสนอขายหุ้นกู้ 2 พันล้านบาท อายุ 5 ปี หรือครบกำหนดไถ่ถอนปี พ.ศ.2565 อัตราดอกเบี้ยคงที่ 3.35%ต่อปี จ่ายดอกเบี้ยทุกๆ 3 เดือน โดยจะเสนอขายให้แก่ผู้ลงทุนทั่วไปและนักลงทุนสถาบันในระหว่งวันที่ 12-13 ก.ย. และ 18-21 ก.ย. นี้ โดยมีธนาคารกสิกรไทย เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ครั้งนี้ โดยจะนำเงินไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน
ปัจจุบัน บริษัทมีหนี้สิน 3.5 หมื่นล้านบาท ต้นทุนทางการเงินเฉลี่ย 3.79% ลดลงมาจากต้นปี 60 ที่อยู่ในระดับ 4.00% โดยมีสัดส่วนเป็นหุ้นกู้ 40-45% ส่วนอีก 20-25% เป็นเงินกู้สถาบันการเงิน นอกนั้นเป็นเงินกู้ระยะสั้น ได้แก่ ตั๋ว B/E และ ตั๋ว P/N โดยตั๋ว B/E มีอายุ 3-6 เดือนมีวงเงิน 5.5-6.0 พันล้านบาท ซึ่งมีแผนลดวงเงินตั๋ว B/E มาที่ 4-5 พันล้านบาท และปีหน้า เตรียมออกหุ้นกู้อีก 6 พันล้านบาท เพื่อทดแทนหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดไถ่ถอนในปีหน้า ซึ่งมีต้นทุนสูงถึง 5% โดยคาดว่าจะลดต้นทุนการเงินลงได้อีก
ทั้งนี้ SIRI ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือที่ BBB+ แนวโน้มอันดับเครดิต Stable จากบริษัททริสเรทติ้ง เมื่อ 18 ส.ค.60
นอกจากนี้ บริษัทจะเปิดแปลงสภาพใบสำคัญแสดงสิทธิ์ที่จะซื้อหุ้นสามัญของ SIRI (SIRI-W2) ที่ปัจจุบันเหลือหน่วยลงทุนอยู่ 3,400 ล้านบาท มีราคาการใช้สิทธิ 2.50 บาทต่อหน่วย โดยจะกำหนดใช้สิทธิในวันที่ 24 พ.ย.60 เป็นวันสุดท้าย คาดว่าการแปลงสภาพ SIRI-W2 จะได้รับเงินเข้ามา 8.5 พันล้านบาท
นายวันจักร์ กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทมีสัดส่วนนักลงทุนต่างประเทศถือหุ้น SIRI เพิ่มเป็น 37% ในกลางปี 60 จากปีก่อนที่มีสัดส่วนถือหุ้น 25-26% ซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักลงทุนสถาบัน กองทุนต่างๆ ขณะที่บริษัทกำหนดเพดานผู้ถือหุ้นต่างชาติไว้ที่ 39%
สาเหตุที่นักลงทุนต่างชาติเข้ามาถือหุ้น SIRI เพิ่มผลประกอบการดีขึ้นมาต่อเนื่อง โดยครึ่งปีแรกดีกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน การขายโครงการในตลาดต่างประเทศประสบผลสำเร็จและเห็นจุดเด่นของบริษัท รวมทั้งยอดหนี้ลดลงมาเรื่อยๆ และต้นทุนทางการเงินก็ลดลงเช่นกัน โดยบริษัทได้ออกเดินสายโรดโชว์ต่อเนื่อง ซึ่งเพิ่งเดินทางที่สิงคโปร์ และอีก 2 สัปดาห์จะเดินทางไปมาเลเซีย รวมทั้งจะร่วมโรดโชว์ในงาน Thailand Focus วันที่ 31 ส.ค.นี้