นางสมฤดี ชัยมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บม.บ้านปู (BANPU) เปิดตัวบริษัทลูกใหม่ ภายใต้ชื่อบริษัท บ้านปู อินฟิเนอร์จี จำกัด ผู้ให้บริการด้านการวางระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์แบบครบวงจร พร้อมเตรียมทุ่มงบลงทุน 400 ล้านเหรียญสหรัฐ รองรับเป้าหมายการผลิตไฟฟ้า 300 เมกะวัตต์ ใน 5 ปีข้างหน้าจากราว 10 เมกะวัตต์ในขณะนี้ โดยคาดว่าจะสามารถสร้างรายได้ราว 5-10% ของรายได้ BANPU ภายใน 4-5 ปีข้างหน้า ขณะที่การดำเนินโครงการคาดว่าจะใช้เวลาคืนทุนราว 7-8 ปี
"บ้านปู อินฟิเนอร์จี เกิดมาที่จะเป็น One Stop Service สำหรับลูกค้าทุกคน การให้บริการแบบครบวงจรเป็นทางเลือกหนึ่งที่ลูกค้าจะใช้พลังงานสะอาดจากบ้านปู อินฟิเนอร์จี...เราตั้งงบประมาณขยายงานต่าง ๆ ประมาณ 400 ล้านเหรียญสหรัฐ ในช่วงเวลา 5 ปีข้างหน้า ภาพรวมจะสร้างรายได้ให้กับบ้านปู คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 5-10% ของรายได้ของบ้านปูในช่วงต้น 4-5 ปีข้างหน้า"นางสมฤดี กล่าว
นางสมฤดี กล่าวว่า บ้านปู อินฟิเนอร์จี มีทุนจดทะเบียน 625 ล้านบาท ถือหุ้นโดย BANPU ทั้ง 100% เพื่อให้บริการวางระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์แบบครบวงจร ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย ในระยะแรกจะให้บริการระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่ติดตั้งบนหลังคา ระบบไฟถนน และอุปกรณ์ไฟส่องสว่างจากพลังงานแสงอาทิตย์ ให้บริการครอบคลุมตั้งแต่การให้คำปรึกษา ออกแบบระบบ ติดตั้ง ตรวจสอบ ไปจนถึงซ่อมบำรุง โดยเจาะกลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรมและธุรกิจขนาดใหญ่
ปัจจุบันมีลูกค้าราว 10 เมกะวัตต์ อยู่ในกลุ่มโรงงานอุตสาหกรรม ,สวนนงนุช ,โรงแรม ,อุปกรณ์ไฟฟ้าส่องสว่างบนถนน ตามคอนโดมิเนียม ,สถานีบริการน้ำมันซัสโก้ เป็นต้น และตั้งเป้าหมายจะมีลูกค้าเพิ่มเป็น 20 เมกะวัตต์ในสิ้นปีนี้ ก่อนจะเพิ่มเป็น 80 เมกะวัตต์ในปีหน้า และทำได้ตามเป้าหมาย 300 เมกะวัตต์ภายใน 5 ปี เพื่อตอบรับความต้องการของลูกค้าในอนาคต
ทั้งนี้ การดำเนินการดังกล่าวถือเป็นหนึ่งในการร่วมสนับสนุนแผนพัฒนาพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือก พ.ศ. 2558-2579 (AEDP 2015) ของกระทรวงพลังงาน ที่ตั้งเป้าเพิ่มการใช้พลังงานทดแทนโดยรวมของประเทศจาก 13.9% ในปัจจุบันเป็น 30% ภายในปี 79 นอกจากนี้ยังมุ่งมั่นที่จะศึกษาและนำระบบการบริหารจัดการพลังงาน (Energy Management System: EMS) และระบบกักเก็บพลังงาน (Energy Storage System: ESS) มาใช้ในการควบคุมการผลิต การส่ง และการกักเก็บพลังงาน เพื่อให้การใช้พลังงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด รวมการใช้ไฟฟ้าในรถยนต์ (Electric Vehicle)
สำหรับแพ็กเกจการขายของบ้านปู อินฟิเนอร์จี จะประกอบด้วย 3 แพ็กเกจ ได้แก่ Signature Infinergy , Smart Infinergy และ Simple Infinergy โดยเน้นแพ็คเกจ Signature Infinergy ซึ่งนับว่ามีคุ้มค่ามากที่สุด โดยที่ลูกค้าไม่ต้องลงทุนค่าติดตั้งหรือค่าอุปกรณ์เลยแม้แต่บาทเดียว (zero investment) และจ่ายค่าไฟจากระบบโซลาร์ในราคาที่ถูกลง พร้อมบริการดูแลรักษาระบบและฟรีอุปกรณ์ตลอดอายุสัญสัญญา 20-25 ปี ซึ่งลูกค้าที่มีอยู่ทั้งหมดในขณะนี้เลือกใช้บริการแพ็คเก็จ Signature Infinergy ทั้งหมด โดยลูกค้าจะได้รับจะมีต้นทุนค่าไฟฟ้าถูกลงขั้นต่ำ 10% ขึ้นอยู่กับการประเมินพฤติกรรมของลูกค้าแต่ละราย ขณะที่บ้านปู อินฟิเนอร์จี จะเป็นผู้จัดเก็บค่าไฟฟ้าดังกล่าวโดยได้รับผลตอบแทนตามความเหมาะสม ขณะที่การลงทุนของบ้านปู อินฟิเนอร์จี จะอยู่ที่ 40-45 ล้านบาท/เมกะวัตต์ ทำให้คาดว่าจะสามารถคืนทุนได้ภายใน 7-8 ปี
นางสมฤดี กล่าวว่า ปัจจุบันบ้านปู อินฟิเนอร์จี ได้รุกตลาดหาลูกค้าอย่างต่อเนื่อง โดยเน้นในกลุ่มโรงงานอุตสาหกรรม และห้างสรรพสินค้า สถานีบริการน้ำมัน อย่างในส่วนของบมจ.ซัสโก้ (SUSCO) ตั้งเป้าหมายจะติดตั้งโซลาร์เซลล์ในสถานีบริการน้ำมันขั้นต้น 50 แห่ง ซึ่งจะทยอยทำต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตามหากในอนาคตรัฐบาลจะมีการเปิดการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา และเปิดให้ขายไฟฟ้าเข้าระบบอย่างเสรีนั้น บ้านปู อินฟิเนอร์จี คงต้องมารอศึกษารายละเอียดของกฎระเบียบอีกครั้งและคงจะปรับปรุงแผนกลยุทธ์ให้มีความกระชับมากขึ้นเพื่อสนองต่อนโยบายของรัฐบาล
ด้านนายชัยฤทธิ์ สิมะโรจน์ กรรมการผู้จัดการ ของ SUSCO กล่าวว่า บริษัทเลือกใช้แพ็คเกจ Signature Infinergy ในการติดตั้งโซลาร์เซลล์ในสถานีบริการน้ำมัน ซึ่งจะเริ่มจาก 50 แห่งก่อนคาดว่าจะสามารถประหยัดค่าไฟฟ้าได้ราว 10% และในอนาคตก็อาจจะขยายให้กับทุกสถานีบริการน้ำมันของบริษัทที่มีอยู่ราว 230 แห่งทั่วประเทศ