นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการสายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า การเคลื่อนไหวของดัชนีหุ้นไทยในเช้าวันนี้ จะเห็นการปรับตัวลดลง หลังจากที่ดีดตัวขึ้นมาค่อนข้างมากเมื่อวานนี้ด้วยมูลค่าซื้อขายที่ไม่ได้รองรับมากนัก รวมถึงนักลงทุนต่างชาติยังคงขายสุทธิในตลาดหุ้นไทยอยู่ ประกอบกับเช้านี้มีประเด็นเรื่องปัญหาคาบสมุทรเกาหลีเกิดขึ้น หลังจากที่เกาหลีเหนือได้ยิงขีปนาวุธลอยข้ามประเทศญี่ปุ่น ซึ่งกดดันให้ตลาดหุ้นภูมิภาคที่เปิดทำการในเช้านี้ปรับลดลงเกือบ 1%
พร้อมให้แนวรับบริเวณ 1,570 จุด และแนวต้านที่ 1,585 จุด
อนึ่ง กระทรวงกลาโหมสหรัฐ หรือ "เพนตากอน" ออกแถลงการณ์ยืนยันว่า เกาหลีเหนือได้ยิงขีปนาวุธลอยข้ามประเทศญี่ปุ่นก่อนไปตกในมหาสมุทรแปซิฟิก นอกชายฝั่งเกาะฮอกไกโด ในช่วงเช้าวันนี้เวลา 5:58 น.ตามเวลาญี่ปุ่น ขณะที่นายชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ได้กล่าวประณามการยิงขีปนาวุธของเกาหลีเหนือครั้งนี้ว่า เป็นภัยคุกคามต่อความมั่นของญี่ปุ่น พร้อมกับประท้วงพฤติการณ์ที่ "อุกอาจ" ของเปียงยางครั้งนี้
ประเด็นการพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (28 ส.ค.60) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 21,808.40 จุด ลดลง 5.27 จุด (-0.02%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 6,283.02 จุด เพิ่มขึ้น 17.37 จุด (+0.28%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,444.24 จุด เพิ่มขึ้น 1.19 จุด (+0.05%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 130.79 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 0.59 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 118.71 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 7.29 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 14.10 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 11.75 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 2.62 จุด และดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ เพิ่มขึ้น 20.90 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (28 ส.ค.60) 1,585.79 จุด เพิ่มขึ้น 9.94 จุด (+0.63%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,903.74 ล้านบาท เมื่อวันที่ 28 ส.ค.60
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค. ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (28 ส.ค.60) ปิดที่ 46.57 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 1.30 ดอลลาร์ หรือ 2.7%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (28 ส.ค.60) ที่ 9.00 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 33.21/22 แนวโน้มทรงตัวรอปัจจัยใหม่ ตลาดจับตาตัวเลขจ้างงานฯ-GDP สหรัฐ
- คลังร่อนหนังสือแจงส่วนราชการขยายเวลาเบิกจ่ายงบเหลื่อมปี 2555-2559 ถึง มี.ค.2561 หลังพบหลายหน่วยงานยังไม่สามารถก่อหนี้ กลัวกระทบแผนกระตุ้นเศรษฐกิจ
- "สมคิด" ติดตามงาน "พาณิชย์" สั่งเร่งปั๊มส่งออกปีนี้โต 7% แนะโฟกัสเป็นรายประเทศและใช้กลยุทธ์จับเข่าคุย เพื่อเปิดตลาดการค้า การลงทุนให้ไทย ย้ำต้องช่วย SME ค้าขายออนไลน์ให้ได้ พร้อมให้ทำตัวชี้วัดภาคบริการ หวังรัฐทำแผนสนับสนุนได้ตรงจุด ระบุต้องเตรียมสินค้าราคาถูกในร้านธงฟ้าประชารัฐ เพื่อให้ผู้มีรายได้น้อยสามารถหาซื้อได้ทันทีที่ได้รับบัตรสวัสดิการจากกระทรวงการคลัง
- เงินบาทไทย พลิกแข็งค่าอีกรอบ หลัง "เฟด" ไร้สัญญาณคุมเข้มนโยบายการเงิน กดดันนักลงทุนเทขายดอลลาร์ ด้าน สมาคมแบงก์ ย้ำธปท. ตามดูสถานการณ์ใกล้ชิด ยอมรับห่วงเอสเอ็มอี เผยภาครัฐเร่งหามาตรการช่วยเหลือ คาด ก.ย.นี้ได้ ข้อสรุปลดค่าธรรมเนียมเฮดจิ้งค่าเงิน ขณะผู้ส่งออกรอขายดอลลาร์อื้อ
- ททท.ระบุว่าจากกรณีที่ศาลอาญาพิพากษายกฟ้องบริษัท โอเอ ทรานสปอร์ต และบริษัทในเครือ หลังถูกกล่าวหาเป็นบริษัททัวร์ศูนย์เหรียญนั้น ททท.ได้ประเมินสถานการณ์ดังกล่าวว่าจะไม่กระทบต่อการทำตลาดอินบาวด์จากจีนมาไทย ซึ่งตั้งเป้าหมายไว้ที่ราว 9.5 ล้านคนในปีนี้ สืบเนื่องมาจากการปรับโครงสร้างราคาขายแพ็กเกจทัวร์ตั้งแต่เดือน ต.ค.ที่ผ่านมา จากราคาขายทัวร์ที่เคยอยู่ที่ 999 หยวน หรือราว 5,000 บาท ก็ปรับขึ้นมาอยู่ที่ 2,000-3,000 หยวน หรือ 10,000-15,000 บาทแล้ว ดังนั้น จึงประเมินว่าจะไม่ลดลงจากเดิมมากนัก เพราะขณะนี้มีความต้องการที่นั่งเที่ยวบินประจำ(Scheduled Flight) จากเมืองหลักแน่นมาก และทำให้สายการบินต่างๆ เริ่มขยายเส้นทางไปสู่เมืองรองต่างๆ ในจีนมากยิ่งขึ้น
- โตโยต้าฯเผยยอดขายรถยนต์รวมทุกยี่ห้อในไทยประจำเดือน ก.ค.2560 ว่า ยอดขายรถยนต์รวมทุกประเภทและทุกยี่ห้อในไทยประจำเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา อยู่ที่ 65,178 คัน เพิ่มขึ้น 7.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ประกอบด้วยยอดขายจากตลาดรถยนต์นั่ง 26,799 คัน เพิ่มขึ้น 10.0% และตลาดรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ 38,379 คัน เพิ่มขึ้น 5.8% ในส่วนของตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของตลาดรถเพื่อการพาณิชย์มียอดขาย 30,741 คัน เพิ่มขึ้น 5.4%
- บริษัท เอ.พี.ฮอนด้า เปิดเผยว่า จากแนวโน้มเศรษฐกิจครึ่งปีหลังที่น่าจะเพิ่มจาก 3.2% เป็น 3.3% เป็นตัวสะท้อนว่าการใช้จ่ายน่าจะดีขึ้น เพราะราคาข้าว ยาง อ้อย และการท่องเที่ยวที่ปรับตัวดีขึ้น รวมทั้งการเมืองที่นิ่งถือเป็นส่วนสำคัญจะช่วยให้ครึ่งปีหลังเศรษฐกิจน่าจะดี ผลดังกล่าวทำให้ตลาดจักรยานยนต์ทั้งปีจะเพิ่มมากขึ้นกว่า 5.71% หรือ 1.85 ล้านคัน จาก 7 เดือนที่ผ่านมา (ม.ค.-ก.ค.) โตแค่กว่า 4% หรือ 1.084 ล้านคัน
- สำนักงานประกันสังคมวุ่นอีกแล้ว 3 โรงพยาบาลเอกชนดัง "เกษมราษฎร์ รัตนาธิเบศร์-ยันฮี-ศรีระยอง" ถอนตัวออกจากระบบประกันสังคมปี 2561 ผู้ประกันตนกว่า 3 แสนคน โดนลอยแพต้องแจ้งเปลี่ยนโรงพยาบาลใหม่ภายใน 31 ต.ค.นี้
- EA (ธนชาต) แนะ"ซื้อ"ราคาเป้าหมาย 43 บาท โดยคงมองบวกต่อ EA ด้วยมีความมั่นใจมากขึ้นต่อโครงการอุปกรณ์กักเก็บพลังงาน (ES) มูลค่า 1 แสนล้านบาท กำลังการผลิต 50Gwh ซึ่งจะสามารถสร้างกำไรแบบ S-curve ได้ใน 3-5 ปีข้างหน้า นอกจากกลยุทธ์การขายอุปกรณ์กักเก็บพลังงานในรูปแบบของแพคเกจแล้ว EA ยังประกาศเปิดตัวโครงการสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าภายใต้แบรนด์ "EA Anywhere" เพื่อปูทางสำหรับโครงสร้างพื้นฐานหลักรองรับตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในอนาคต โดย EA มีเป้าหมายที่จะเปิด 1,000 สถานี ภายในปี 61-62 ทำให้เชื่อว่าโครงการนี้จะทำกำไรได้สูงในระยะยาวโดยเฉพาะการใช้แบตเตอรี่เก็บไฟฟ้าของบริษัทฯ เองรองรับการพัฒนาของตลาดรถยนต์ไฟฟ้า
- PTTGC (เคทีบีฯ) ให้ราคาเหมาะสมที่ 77 บาท จากสเปรดปิโตรเคมียังอยู่แนวโน้มที่ดี เนื่องจากมองการเคลื่อนไหวของราคาน้ำมันมีกรอบจำกัด อีกทั้งการโอนกิจการ 6 บริษัทจาก PTT ตามโครงการ Asset Junction ยังเร็วกว่าคาดการณ์เดิม ซึ่งจะสามารถบันทึกมาเป็นกำไรได้ประมาณ 400-500 ล้านบาท/ไตรมาส เริ่มตั้งแต่ไตรมาส 3/60 เป็นต้นไป
- EGCO (เอเอสแอล) แนะ"เก็งกำไร"ให้มีมูลค่าเหมาะสม 245 บาท แม้กำไรสุทธิมีโอกาสอ่อนตัวในช่วงที่เหลือของปีซึ่งเป็นไปตามฤดูกาล แต่แผนขยายการลงทุนที่ดียังทำให้บริษัทมีกำไรสุทธิทั้งปีเติบโตโดดเด่น โดยในปี 60 ยังเชื่อว่าบริษัทจะมีกำไรสุทธิเติบโต 19%YoY ขณะที่โครงการใหม่ที่จะทยอยเริ่มผลิตไฟฟ้า ทำให้บริษัทมีกำไรสุทธิเติบโตเฉลี่ย 10.8% ต่อปี ในช่วงปี 60-61 ทำให้ยังคงมุมมองเชิงบวกต่อการเติบโตของกำไรสุทธิในระยะยาว