นายอมร ทรัพย์ทวีกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.พลังงานบริสุทธิ์ (EA) กล่าวว่า บริษัทมั่นใจรายได้ปีนี้จะเติบโต 27% จากปีก่อน จากการรับรู้รายได้เข้ามาเต็มปีของโรงไฟฟ้า จ.พิษณุโลก กำลังการผลิต 90 เมกะวัตต์ และโรงไฟฟ้าพลังงานลม ที่จ.สงขลาและนครศรีธรรมราช กำลังการผลิต 126 เมกะวัตต์ (โครงการหาดกังหัน 1-3) ซึ่งจะส่งผลทำให้สิ้นปีนี้บริษัทฯ จะมีกำลังการผลิตทั้งสิ้นอยู่ที่ 404 เมกะวัตต์
ส่วนโครงการพลังงานลมหนุมานที่ จ.ชัยภูมิ กำลังการผลิต 260 เมกะวัตต์ ปัจจุบันอยู่ระหว่างการออกแบบ คาดว่าภายใน 1-2 เดือนนี้จะเริ่มวางรากฐานได้ และน่าจะจ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) ได้ภายในปลายปี 61
อย่างไรก็ตาม นอกเหนือจากการลงทุนในประเทศแล้ว บริษัทฯยังมองโอกาสขยายการลงทุนโรงไฟฟ้าพลังงานลม และพลังงานแสงอาทิตย์ในต่างประเทศ โดยมีความสนใจทั้งในประเทศเวียดนาม อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และเมียนมา ลักษณะการลงทุนเป็นไปได้ทั้งการเข้าร่วมลงทุน (JV) และการเข้าซื้อกิจการ (M&A) คาดว่าในปีหน้าจะเห็นความชัดเจนได้ ซึ่งบริษัทจะนำเทคโนโลยีแบตเตอรี่เข้าไปร่วมจำหน่ายด้วย
สำหรับความคืบหน้าแผนการก่อสร้างโรงงานผลิตแบตเตอรี่ (energy storage) เฟส 1 กำลังการผลิต 1 กิกะวัตต์-ชั่วโมง (GWh) มูลค่าโครงการ 3,000 ล้านบาท จากมูลค่าโครงการรวม 1 แสนล้านบาท ปัจจุบันอยู่ระหว่างการก่อสร้าง คาดว่าจะเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ได้ในปี 62
ขณะที่เฟส 2 กำลังการผลิต 49 กิกะวัตต์-ชั่วโมง (GWh) ปัจจุบันอยู่ระหว่างการเจรจากับพันธมิตรที่เป็นผู้ประกอบการผลิตแบตเตอรี่ แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ เบื้องต้นคาดว่าจะเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ได้ในปี 64 รวมทั้ง บริษัทอยู่ระหว่างดำเนินการจัดตั้งบริษัทย่อยเพื่อเข้ามาดูแลธุรกิจผลิตแบตเตอรี่โดยตรงด้วย
"เราจะจัดตั้งบริษัทย่อยขึ้นมาใหม่ เพื่อดูแลธุรกิจผลิตแบตเตอรี่ ซึ่งปัจจุบันเราก็อยู่ระหว่างก่อสร้างโรงงานในเฟสแรก และเฟส 2 ก็อยู่ระหว่างเจรจากับพันธมิตรที่สนใจ แต่ยังไม่สรุป ซึ่งการร่วมทุนในครั้งนี้เราก็ต้องการเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ อย่างไรก็ตามเงินลงทุนจะมาจากเงินสด และเงินกู้"
นายอมร กล่าวว่า บริษัทยังเตรียมออกหุ้นกู้ 20,000 ล้านบาท อายุ 3-5 ปี ในปลายปีนี้ เพื่อรีไฟแนนซ์เงินสนับสนุนการลงทุนโครงการต่างๆที่ผ่านมา