นางเกศรา มัญชุศรี กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวถึงกรณีดัชนีหุ้นไทยเมื่อวานนี้ปรับตัวขึ้นเกือบ 30 จุด ว่า แรงซื้อส่วนใหญ่มาจากนักลงทุนสถาบัน และนักลงทุนต่างชาติ ซึ่งมาจากหลายปัจจัย ส่วนหนึ่งมาจากความมั่นใจในตลาดหุ้นไทยที่มีเพิ่มขึ้น หลังจากช่วงที่ผ่านมาตลาดหุ้นไทยยังปรับตัวขึ้นมาน้อยกว่าตลาดหุ้นอื่น
อย่างไรก็ตาม การซื้อขายของนักลงทุนสถาบันและต่างชาติยังคงเป็นไปตามปกติเหมือนกับช่วงที่ผ่านมา เพราะไม่ว่าจะเป็นช่วงที่ตลาดหุ้นไทยไม่ได้คึกคักมาก แต่ปริมาณการซื้อขายของนักลงทุนต่างประเทศ และสถาบันไม่ได้ลดลงเลย เพราะส่วนใหญ่เป็นการถือลงทุนในระยะยาว ขณะที่นักลงทุนรายบุคคลจะเข้ามาซื้อขายในช่วงที่ดัชนีมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วเพราะต้องการผลตอบแทนในระยะสั้น
"ทุกคนบอกว่าตลาดหุ้นช่วงตั้งแต่ต้นปีมีบรรยากาศเงียบเหงา ถ้ากลับเข้าไปดูไส้ใน ปริมาณการซื้อขายของนักลงทุนต่างชาติและสถาบันไม่ได้ลดลงเลย จะเห็นว่าปริมาณการซื้อขายที่มีวันละกี่หมื่นล้านก็ยังคงเป็นเช่นเดิมตั้งแต่ต้นปี แต่ที่ลดคือผู้ลงทุนรายบุคคล" นางเกศรา ให้สัมภาษณ์ทางสถานีโทรทัศน์เช้านี้
ขณะที่ตลาดหุ้นไทยยังมึความน่าสนใจ โดยเฉพาะเมื่อเปรียบเทียบกีบตลาดหุ้นมาเลเซียและสิงคโปร์ที่ได้รับความสนใจจากนักลงทุนต่างชาติอย่างมากในช่วงตั้งแต่ต้นปีมาถึงกลางปีนี้ ทำให้ราคาหุ้นที่เคยต่ำในปีก่อนปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งขณะนี้ตลาดหุ้นไทยเองก็มีระดับ P/E ในระดับล่างใกล้เคียงกัน
"ในแง่ของความถูกแพง ก่อนหน้านั้นอาจรู้สึกแพงกว่าเขา แต่ขณะนี้ไม่ได้แพงก็ได้รับความสนใจจากนักลงทุนต่างประเทศเพิ่มขึ้นจากปีก่อน"นางเกศรา กล่าว
ส่วนกรณีที่มีการตั้งข้อสังเกตว่าการดีดตัวขึ้นมาแรงอย่างผิดปกติของตลาดหุ้นไทยอาจเป็นเพราะมีนักลงทุนรายใหญ่โยกเงินจากตลาดตราสารหนี้มาลงทุนในตลาดหุ้นเพื่อดันดัชนีให้ปรับขึ้นอย่างรวดเร็วเพื่อหวังเก็งกำไรในทั้งสองตลาดนั้น นางเกศรา กล่าวว่า ไม่แน่ใจว่าจะเป็นเช่นนั้นได้หรือไม่ เพราะการจะเข้ามาผลักดันดัชนีตลาดหุ้นให้ปรับตัวขึ้นไปนั้นต้องใช้เงินจำนวนมาก
"ไม่ว่าในตลาดที่พัฒนาแล้วอย่างสหรัฐ หรือตลาดสิงคโปร์ ตลาดไทย โดยปกติตลาดฟิวเจอร์สจะต้องตามตลาดหุ้น เพราะเป็นตลาดหุ้นเป็นตลาดรากฐานที่เป็นตลาดหลัก ถ้าตลาดหุ้นไม่เคลื่อน ตลาดฟิวเจอร์สก็นิ่ง ๆ ดังนั้นการที่จะบอกว่ามาทำในตลาดหลักเพื่อให้ได้กำไรในตลาดฟิวเจอร์ส คิดว่าไม่แน่ใจว่าทฤษฎีนี้จะถูกหรือไม่ เพราะการลงทุนในตลาดหลักต้องใช้เงินเต็ม ต้องลงทุนหลักกว่าในตลาดฟิวเจอร์ส จึงดูเป็น logic ที่ไม่แน้ใจว่าจะเป็นเช่นนั้น"นางเกศรา กล่าว
สำหรับข้อสงสัยว่ามีใครจงใจสร้างราคาหรือไม่นั้น ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ตรวจสอบภาวะการซื้อขายทุกวัน ไม่ว่าจะมีปริมาณมากหรือน้อย แต่ยอมรับว่ามีทิศทางตลาดหุ้นไทยเมื่อวานนี้เคลื่อนไหวสวนทางกับต่างประเทศ เช่น ญี่ปุ่นที่ได้รับผลกระทบจากการยิงขีปนาวุธของเกาหลีเหนือ หรือตลาดหุ้นสหรัฐ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะบางช่วงที่ตลาดต่างประเทศมีการเคลื่อนไหว แต่ตลาดหุ้นของไทยกลับทรงตัวนิ่งๆ
นางเกศรา กล่าวอีกว่า สำหรับนักลงทุนรายบุคคลนั้นแนะนำให้ใช้เวลาในการพิจารณาข้อมูลให้รอบคอบก่อนตัดสินใจเข้าไปลงทุน เพราะเมื่อวานนี้นักลงทุนรายบุคคลเป็นผู้ที่ขายมากที่สุด และตั้งแต่ต้นปียังเป็นการขายสุทธิกว่า 6 หมื่นล้านบาท แต่วันนี้ขอให้ใจเย็น ๆ เพราะการซื้อหุ้นเป็นเรื่องที่เราต้องคาดหวังว่าจะต้องได้กำไร ดังนั้น ก็จะต้องดูว่าการลงทุนในบริษัทนั้น ๆ ทำให้มีกำไรหรือไม่