นายวิบูลย์ กรมดิษฐ์ กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่การตลาด บมจ.อมตะ คอร์ปอเรชั่น (AMATA) เปิดเผยว่า บริษัทคงเป้ายอดขายที่ดินในปีนี้ที่ 1,000 ไร่ แม้ว่าช่วงครึ่งปีแรกทำยอดขายได้เพียง 170-180 ไร่ เนื่องจกาเริ่มเห็นสัญญาณที่ดีขึ้น หลังจากมีนักลงทุนต่างชาติติดต่อเข้ามาแสดงความสนใจเพิ่มมากขึ้นทั้งจากจีน ญี่ปุ่น สหรัฐ และสหภาพยุโรป ซึ่งอยู่ในอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ ยานยนต์ และอุตสาหกรรมอื่นๆ
ขณะที่ บริษัทเชื่อว่ารายได้ปีนี้จะมากกว่าปีก่อนที่ระดับ 4.73 พันล้านบาท แต่ยังต้องรอลุ้นความชัดเจนของกฎหมายเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) โดยคาดว่าร่างกฎหมายดังกล่าวจะผ่านสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ในเดือน ต.ค. นี้ ซึ่งจะเป็นส่วนที่ช่วยผลักดันให้มีนักลงทุนจากต่างประเทศเข้ามาลงทุนในพื้นที่ภาคตะวันออกมากขึ้น
ปัจจุบัน บริษัทมียอดขายรอโอน (Backlog) มูลค่า 2,070 ล้านบาท คาดว่าจะสามารถโอนที่ดินในช่วงครึ่งปีหลังได้ราว 300-400 ล้านบาท
นอกจากนี้ ผลประกอบการในปีนี้จะยังได้รับการสนับสนุนจากสัดส่วนรายได้ประจำ (Recurring Income) ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นอีกราว 15-20% จากระดับ 1.7 พันล้านบาทในปี 59 ตามการเติบโตของค่าบริการสาธารณูปโภคให้กับโรงงานในนิคมอุตสาหกรรมของกลุ่มบริษัท ทั้งน้ำประปาและไฟฟ้า โดยเฉพาะโรงไฟฟ้าขนาดเล็ก (SPP) ที่บริษัทฯร่วมลงทุนอยู่นั้นทยอยเปิดดำเนินการอย่างต่อเนื่อง
"แม้ว่าในช่วงครึ่งปีแรกยอดขายจะไม่มากนัก และรายได้จากยอดขายที่ดินจะไม่เยอะมาก แต่เชื่อว่าครึ่งปีหลังจะกลับมาได้อย่างแน่นอน หากว่ากฎหมาย EEC ผ่าน สนช. ได้ทันในเดือน ต.ค. เราก็ยังมั่นใจว่าเราจะสามารถผลักดันให้เติบโตได้ เพราะส่วนใหญ่ตอนนี้นักลงทุนก็รอความชัดเจนของ EEC นี่แหละ"นายวิบูลย์ กล่าว
นายวิบูลย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทฯมีแผนจะขายสิทรัพย์เข้ากองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) เพิ่มเติม โดยคาดว่าจะมีมูลค่ามากกว่ากอง REIT ในปัจจุบันที่ 4,750 ล้านบาท โดยบริษัทคาดว่าจะมีพื้นที่โรงงานและคลังสินค้าให้เช่าสำหรับขายเข้ากอง REIT เพิ่มอีกอย่างน้อย 60,000 ตารางเมตร ซึ่งหวังว่าจะสามารถขายสินทรัพย์เข้ากองได้ภายใน 1-2 ปี