นายปิยะ เตชากูล กรรมการผู้จัดการ บมจ.เอทีพี 30 (ATP30) คาดกำไรสุทธิปีนี้จะมากกว่าระดับ 21.93 ล้านบาทในปีก่อน แม้ว่าในช่วงครึ่งปีแรกจะทำกำไรสุทธิได้เพียง 7.34 ล้านบาท ลดลงจากกำไร 10.52 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากได้รับผลกระทบจากการนำรถที่ครบอายุเข้าปรับปรุงใหญ่ ส่งผลให้มีค่าใช้จ่ายค่อนข้างมาก แต่ในช่วงครึ่งปีหลังจะมีการปรับปรุงรถเพียง 4 คัน และเป็นการปรับปรุงที่ไม่มากนัก ซึ่งจะส่งผลให้ปีนี้อัตรากำไรสุทธิจะใกล้เคียงกับปีก่อนที่อยู่ระดับ 7.25% และอัตรากำไรขั้นต้นที่ 23.86%
ขณะที่รายได้ปีนี้ยังคงมั่นใจว่าจะเติบโตได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ไม่ต่ำกว่า 15% โดยรายได้ในช่วงครึ่งปีหลังจะเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ หลังได้รับปัจจัยหนุนจากแนวโน้มการเติบโตของอุตสาหกรรมในภาคตะวันออกที่ยังอยู่ในเกณฑ์ดี ประกอบกับบริษัทมีความพร้อมและศักยภาพในการบริหารงาน จึงเป็นโอกาสที่ดีของบริษัทในการขยายฐานลูกค้า โดยอยู่ระหว่างการพิจารณาเพื่อเข้าไปให้บริการกับบริษัทชั้นนำอีกเป็นจำนวนมาก โดยปัจจุบันเจรจากับลูกค้าเพิ่มอีก 4-5 ราย คาดว่าจะเห็นความชัดเจนได้ก่อนราว 3 ราย
"ตอนช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมาเรามีผลกระทบจากค่าใช้จ่ายการปรับปรุงรถที่ครบอายุการใช้งาน และค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงมาตรฐานต่าง ๆ ของบริษัท แต่ในช่วงครึ่งปีหลังเราจะมีในไตรมาส 3/60 อีกนิดหน่อยและไม่เป็นผลกระทบต่อบริษัทแล้ว ขณะที่มีลูกค้าเพิ่มขึ้นมาในช่วงครึ่งปีแรก และเพิ่มอีกในช่วงครึ่งปีหลัง จะช่วยให้ผลประกอบการครึ่งปีหลังเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ ทำให้เรามั่นใจว่ารายได้จะเติบโตตามเป้าหมาย และกำไรสุทธิดีกว่าปีก่อนแน่นอน"นายปิยะ กล่าว
นายปิยะ กล่าวว่า บริษัทได้รับการยืนยันการให้บริการรับส่งพนักงานให้กับลูกค้า 2 รายใหญ่ สัญญาให้บริการ 5 ปี ได้แก่ บมจ.ไออาร์พีซี (IRPC) ซึ่งจะให้บริการด้วยรถมินิบัสปรับอากาศจำนวน 6 คัน เริ่มให้บริการตั้งแต่วันที่ 14 ก.พ. 61 และสิ้นสุดสัญญา วันที่ 15 ก.พ. 66 และบมจ.ไทยออยล์ (TOP) จำให้บริการด้วยรถบัสปรับอากาศจำนวน 8 คัน เริ่มให้บริการตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ.61 และสิ้นสุดสัญญา วันที่ 31 ม.ค. 66 ซึ่งขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการจัดทำสัญญาการให้บริการและจัดหารถมินิบัสและรถบัสเพื่อให้บริการต่อไป
นอกจากนี้ในส่วนการบริการ VIP VAN Service ก็จะเพิ่มรถเป็น 10 คันภายในช่วงปลายปีนี้ จากปัจจุบัน 5 คัน ขณะที่ VAN Service จะเพิ่มเป็น 38 คัน จากปัจจุบันอยู่ที่ 30 คัน ซึ่งการบริการในส่วนนี้คิดเป็นสัดส่วนรายได้ราว 30%
ขณะเดียวกันบริษัทได้ปรับงบลงทุนปีนี้เพิ่มขึ้นเป็น 171 ล้านบาท จากเดิมที่ 120 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทได้ลูกค้าเพิ่มเติมเข้ามา โดยเฉพาะ IRPC และ TOP ทำให้ความต้องการใช้รถยนต์เพิ่มขึ้นเป็น 45 คัน จากเดิมที่คาดไว้ 25 คัน
ล่าสุดบริษัทยังได้รับการรับรองมาตรฐานการบริหารความปลอดภัยทางถนน (BS ISO 39001:2012 Road traffic safety management system) โดยมีผลตั้งแต่ วันที่ 1 ส.ค. 60 ถึง 31 ก.ค. 63 ซึ่ง ATP30 นับเป็นบริษัทรับส่งพนักงานรายแรก ๆ ของประเทศไทย ที่ผ่านเกณฑ์รับรองมาตรฐานดังกล่าว
ทั้งนี้ การพัฒนาระบบการบริการ การบริหารจัดการ ตลอดจนยกระดับความปลอดภัย จนได้รับมาตรฐาน ISO 39001:2012 ถือเป็นการตอกย้ำความเป็นผู้นำในธุรกิจให้กับ ATP30 เพิ่มความเชื่อมั่นให้กับกลุ่มลูกค้าที่ใช้บริการอยู่อีกทั้งเป็นการเพิ่มโอกาสทางธุรกิจให้บริษัท สำหรับการนำเสนอบริการที่มีมาตรฐานระดับสากลให้กับลูกค้าทั้งรายใหม่ และรายเก่าที่มีความสนใจใช้บริการรถรับส่งบุคลากรของบริษัท