นางปรีญาภรณ์ ตั้งเผ่าศักดิ์ กรรมการผู้อำนวยการ บมจ.เอแอลที เทเลคอม (ALT) เปิดเผยว่า แนวโน้มรายได้ของบริษัทในปีนี้มีโอกาสเติบโตพลาดเป้าหมาย 10% เนื่องจากผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ชะลอการลงทุนโครงข่าย ส่งผลให้รายได้ของบริษัทเกิดการชะลอตัวตามไปด้วย ซึ่งเห็นผลกระทบของปัจจัยดังกล่าวจากการปรับตัวลดลงของผลการดำเนินงานในครึ่งปีแรกที่ผ่านมา โดยเป็นปัจจัยที่ไม่สามารถควบคุมได้ และบริษัทจะต้องมีการมองหางานอื่นเข้ามาเสริม แม้ว่าจะไม่สามารถชดเชยได้ทั้งหมดก็ตาม
อย่างไรก็ตาม บริษัทมองว่าแนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลังทั้งรายได้และกำไรจะกลับมาฟื้นตัวขึ้น จากครึ่งปีแรกที่มีรายได้อยู่ที่ 589.31 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 76.55 ล้านบาท โดยในช่วงครึ่งปีหลังบริษัทจะรับรู้รายได้จากการให้เช่า Fiber Optic ตามแนวทางรถไฟ ซึ่งโครงการดังกล่าวได้มีการลงทุนอุปกรณ์เพิ่มเติมและทดสอบระบบในช่วงครึ่งปีแรก อีกทั้งยังจะรับรู้รายได้จากโครงการนำสายไฟฟ้าลงดินของการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) เส้นทางพญาไท-สุขุมวิท เข้ามาเพิ่มเติม
และบริษัทจะรับรู้รายได้จากมูลค่างานในมือ (Backlog) สัดส่วน 90% ในช่วงที่เหลือของปีนี้จากทั้งหมดที่มีอยู่ 400 ล้านบาท
บริษัทยังคงเดินหน้าเพิ่มสัดส่วนกำไรจากธุรกิจที่มีรายได้ประจำเข้ามาต่อเนื่อง โดยในสิ้นปีนี้คาดว่าจะมีสัดส่วนกำไรที่มาจากรายได้ประจำเพิ่มเป็น 20% จากสิ้นปีก่อน 10% และจะเพิ่มขึ้นปีละ 10% จนเป็น 50% ภายในปี 63 ซึ่งบริษัทเน้นการเพิ่มสัดส่วนรายได้และกำไรของกิจการที่มีรายได้ประจำ คือ บริการโครงสร้างพื้นฐานด้านโทรคมนาคมเพื่อให้เช่า ทั้งโครงการที่ลงทุนเองโดยตรงและลงทุนผ่านบริษัทร่วมทุนหรือกิจการร่วมค้า
ปัจจุบันบริษัทมีการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้านโทรคมนาคมเพื่อให้เช่ารวม ทั้งสิ้น 5 โครงการ เป็นโครงการที่ดำเนินการโดย ALT 2 โครงการ ได้แก่ โครงการในนิคมอุตสาหกรรมเหมราช และโครงข่ายสายเคเบิลใยแก้วนำแสงให้เช่าบนแนวเสาตามทางรถไฟ และดำเนินการโดยกิจการร่วมค้า (IH) 3 โครงการ ซึ่งเริ่มรับรู้รายได้ตั้งแต่ช่วงไตรมาส 4/58 เป็นต้นมา
ล่าสุด AIT ได้เข้าลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) กับ บมจ.นวนคร (NNCL) เพื่อเป็นผู้วางโครงข่ายสายเคเบิลใยแก้วนำแสงความเร็วสูง (High Speed Fiber Optic) ให้เช่าภายในบริเวณนิคมอุตสาหกรรมนวนคร จังหวัดปทุมธานี ด้วยระยะเวลาสัญญา 16 ปี ซึ่งเป็นธุรกิจที่มีรายได้ต่อเนื่อง โดยโครงการดังกล่าวบริษัทใช้เงินลงทุนทั้งหมด 150 ล้านบาทสำหรับเฟสแรกในเขตอุตสาหกรรมนวนคร 198 โรง โดยจะเริ่มลงทุนในช่วงไตรมาส 4/60 และเปิดให้บริการในไตรมาส 3/61