นายสมนึก ตันฑเทอดธรรม รองกรรมการผู้จัดการ บมจ.เอ็น.ซี เฮ้าส์ซิ่ง (NCH) เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่าภาพรวมของผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งหลังปีนี้ ทั้งยอดขาย รายได้ และกำไร จะสูงกว่าครึ่งปีแรก เนื่องจากจะมีการโอนโครงการให้กับลูกค้าเพิ่มมากขึ้นในช่วงไตรมาส 3/60 และไตรมาส 4/60
ขณะนี้บริษัทมีมูลค่ายอดขายรอโอน (Backlog) ที่รอรับรู้รายได้ในช่วงครึ่งปีหลังทั้งหมดราว 300 ล้านบาท และมีโครงการในมือพร้อมขายอีก 4.8 พันล้านบาท ทั้งหมด 11 โครงการ แบ่งเป็นคอนโดมิเนียม 12-13% และแนวราบ 87-88% ซึ่งมูลค่าทั้งหมด 2 ใน 3 เป็นแนวราบราคาต่ำกว่า 5 ล้านบาทที่มีการขายสม่ำเสมอและตลาดยังมีความต้องการอย่างต่อเนื่อง
อีกทั้งบริษัทยังมีแผนเปิดโครงการใหม่ในช่วงที่เหลือของปีนี้เป็นโครงการแนวราบ 2 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 1.8-1.9 พันล้านบาท ซึ่งอยู่ในทำเลกรุงเทพฯด้านเหนือและตะวันตก โดยการเปิดโครงการใหม่ของบริษัทในปีนี้ทำได้ครบตามเป้าหมายจำนวน 4 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 3.7 พันล้านบาท
“ภาพรวมไตรมาส 3 นี้ยังต้องจับตาว่าจะเติบโตดีกว่าไตรมาส 2 หรือไม่ แต่ในมุมมองของผมนั้นโดยรวมถือว่ามีสัญญาณที่ดี เพราะปกติช่วงหน้าฝนการขายจะทำได้ค่อนข้างยาก แต่ปีนี้มีการขายในช่วงหน้าฝนทำได้ดีขึ้นพอสมควร และจะดีขึ้นมากที่สุดในช่วงไตรมาส 4 ที่คาดว่าจะเติบโตได้เป็นอย่างดี"นายสมนึก กล่าว
ด้านอัตรากำไรสุทธิในปีนี้คาดว่าจะปรับเพิ่มขึ้นมากกว่าสิ้นปีก่อนที่ 1.44% เนื่องจากบริษัทสามารถควบคุมต้นทุนและลดค่าใช้จ่ายได้ดี ซึ่งที่ผ่านมาต้นทุนและค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ลดลงราว 3% และขณะนี้อัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ราว 33% ส่วนอัตราการปฏิเสธสินเชื่อของลูกค้าที่ซื้อโครงการของบริษัทอยู่ที่ 30% ถือว่าทรงตัว แต่บริษัทได้คัดกรองลูกค้ามากขึ้นพอสมควร รวมถึงได้ร่วมกับสถาบันการเงินในการให้คำแนะนำกับลูกค้า
นายสมนึก กล่าวว่า บริษัทยังได้รับการเสนอขายโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่สร้างเสร็จแล้วพร้อมขายของผู้ประกอบการรายเล็กที่อยู่นอกตลาดหลักทรัพย์ฯ มูลค่าไม่เกิน 500 ล้านบาท โดยบริษัทยังอยู่ระหว่างการพิจารณา ซึ่งจะต้องเป็นโครงการที่มีกลยุทธ์ใกล้เคียงกับบริษัท และมีอัตรากำไรขั้นต้นที่เหมาะสมด้วย
สำหรับในแง่ของของความพร้อมทางการเงินของบริษัทนั้นยังมีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) อยู่ที่ 1 เท่า จึงยังมีความสามารถในการระดมทุนได้ อีกทั้งที่ผ่านมาบริษัทเคยออกตั๋วเงินระยะสั้น (B/E) ราว 800 ล้านบาท แต่ตลาดตั๋ว B/E มีปัญหาในช่วงต้นปีที่ผ่านมา ทำให้บริษัทดำเนินการชำระหนี้ตั๋ว B/E คืนทั้งหมดแล้ว และใช้เงินกู้ระยะสั้นจากนอนแบงก์ ยอมรับว่าส่งผลให้ต้นทุนทางการเงินเพิ่มขึ้นเล็กน้อย แต่ไม่มีผลกระทบมากนัก