PRM เผย นลท.ตอบรับโรดโชว์ดี เตรียมเคาะราคาขาย IPO หลังผล Book Building ออก 4 ก.ย.

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday September 1, 2017 16:41 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายแมนพงศ์ เสนาณรงค์ กรรมการผู้จัดการ บล.กสิกรไทย ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินของ บมจ.พริมา มารีน (PRM) กล่าวว่า บริษัทได้นำเสนอข้อมูลแก่นักลงทุนสถาบันและนักลงทุนรายย่อย (โรดโชว์) เพื่อแสดงให้เห็นถึงศักยภาพการเติบโตที่ดีของบริษัท โดยที่ผ่านมานักลงทุนได้ให้การตอบรับที่ดีอย่างมาก เนื่องจาก PRM มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องเฉลี่ย 11% ต่อปี และคาดว่าปีนี้ก็น่าจะเติบโตได้ตามเป้าหมาย เป็นไปตามการเพิ่มจำนวนเรือที่ทยอยรับมอบเข้ามาอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ การกำหนดราคาหุ้นสามัญให้กับประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) ปัจจุบันอยู่ระหว่างการสำรวจความต้องการซื้อหุ้น (Book Building) คาดว่าจะทราบผลสำรวจดังกล่าวได้ในวันที่ 4 ก.ย.60 และจะสามารถกำหนดราคาขายหุ้น IPO ได้หลังจากนั้น พร้อมทั้งจะลงนามในสัญญาแต่งตั้งที่ปรึกษาทางการเงิน (Underwriter) ได้ภายในวันที่ 5 ก.ย.60 และจะสามารถเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ได้ในช่วงกลางเดือน ก.ย.นี้

"จากการเดินสายโรดโชว์ นักลงทุนสถาบันและนักลงทุนรายย่อยก็ให้การตอบรับที่ดี จากเป็นธุรกิจที่มีจุดเด่นไม่เหมือนใคร และไม่มีใครมาแข่งขันได้ ซึ่งมีขนาดการขนส่งมากขึ้น 2.5 แสนเดทเวทตัน ประกอบกับยังมีการเติบโตที่ดีอย่างต่อเนื่อง เห็นได้จากปีก่อนมีอัตรากำไรสุทธิเฉลี่ยที่ 20% และอัตรากำไรขั้นต้นเฉลี่ยที่ 38%"นายแมนพงศ์ กล่าว

ด้านนายชาญวิทย์ อนัคกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ของ PRM กล่าวว่า จากการโรดโชว์ในครั้งนี้ เชื่อมั่นว่านักลงทุนจะให้การตอบรับที่ดี เนื่องด้วยบริษัทมีจุดแข็งจากการเป็นบริษัทแรกและบริษัทเดียวที่ทำธุรกิจขนส่งน้ำมันและปิโตรเคมีเหลวทางเรือในประเทศไทย และมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องในธุรกิจตลาดต่างประเทศ รวมถึงมีการดำเนินงานมาอย่างยาวนานมากกว่า 30 ปี จึงมีความเชี่ยวชาญอย่างมากในการให้บริการ ทำให้ธุรกิจของบริษัทยังหาคู่แข่งที่จะมาเปรียบเทียบได้ยาก

นอกจากนี้ในส่วนของการดำเนินธุรกิจ บริษัทน่าจะได้รับผลดีจาก พ.ร.บ.เดินเรือในน่านน้ำไทยฉบับใหม่ ที่จะออกมาเร็ว ๆ นี้ ซึ่งการเดินเรือในอ่าวไทย ต้องใช้เรือไทย ทำให้น่าจะส่งผลดีต่อบริษัทอย่างมีนัยสำคัญ โดยบริษัทมีสัดส่วนเรือในอ่าวไทยราว 3% ของจำนวนเรือทั้งหมดในอ่าวไทย ขณะเดียวกันน่าจะได้รับผลดีจากที่รัฐบาลจะเดินหน้าประมูลสัมปทานปิโตรเลียมที่จะหมดอายุ ทั้งแหล่งบงกช และแหล่งเอราวัณด้วย

อนึ่ง บริษัทมีแผนจะเสนอขายหุ้น IPO จำนวนไม่เกิน 650 ล้านหุ้น คิดเป็น 26% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัท โดยแบ่งเป็น ส่วนแรกเป็นหุ้นสามัญเพิ่มทุนไม่เกิน 500 ล้านหุ้น ส่วนที่สองเป็นหุ้นสามัญเดิมที่เสนอขายโดยผู้ถือหุ้นเดิม คือ Austin Asset Limited จำนวน 105 ล้านหุ้น และบริษัท นทลิน จำกัด 45 ล้านหุ้น

พร้อมกันนี้บริษัทจะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้ไปขยายกองเรือ และฟีทเรือ โดยตั้งเป้าจะมีเรือทั้งสิ้นจำนวน 40 ลำ ในปี 62 จากสิ้นปีนี้จะมีเรือทั้งสิ้นจำนวน 28 ลำ ซึ่งรวมถึงขยายเรือขนส่งผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีเหลว จากปัจจุบันมีมาร์เก็ตแชร์ไม่ถึง 1% วางงบลงทุนรวม 3 ปี (ปี 60-62) ที่ 15,000 ล้านบาท และนำไปใช้คืนหนี้เงินกู้จากสถาบันทางการเงินบางส่วนที่มีอยู่ 8,000 ล้านบาท จากปัจจุบันมีหนี้สินต่อทุน (D/E) อยู่ที่ 2 เท่า โดยหลังจากการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ จะทำให้ D/E ปรับลดลงไม่เกิน 1.5 เท่า

กลุ่มบริษัท เป็นผู้ให้บริการทางด้านการขนส่งและจัดเก็บน้ำมันดิบ ผลิตภัณฑ์น้ำมันสำเร็จรูป และผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีเหลวอย่างครบวงจร โดยแบ่งเป็น 4 ธุรกิจหลัก ได้แก่ ธุรกิจเรือขนส่งฯ ,ธุรกิจเรือขนส่งและจัดเก็บ FSU ,ธุรกิจเรือ Offshore และธุรกิจบริหารเรือ โดยในช่วง 3 ปี ที่ผ่านมา (ปี 57-59) บริษัทมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในปี 57 มีรายได้จากการให้บริการราว 3,480.4 ล้านบาท และกำไรสุทธิที่ 701.4 ล้านบาท ,ในปี 58 มีรายได้อยู่ที่ 3,892.4 ล้านบาท และกำไรสุทธิอยที่ 831.2 ล้านบาท

ในปี 59 รายได้เติบโตมาอยู่ที่ 4,296.5 ล้านบาท และกำไรสุทธิอยู่ที่ 1,202.2 ล้านบาท ขณะที่ปีนี้ ก็คาดว่ารายได้จะเติบโตได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ ตามจำนวนเรือที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ