นายกมล บริสุทธนะกุล ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน บมจ.ทีพีบีไอ (TPBI) กล่าวว่า บริษัทคาดรายได้ปีนี้น่าจะปรับตัวลดลงกว่าปีก่อน เนื่องจากบริษัทได้ดำเนินการปรับโครงสร้างธุรกิจ ทั้งการปรับปรุงเครื่องจักร เป็นต้น ซึ่งส่งผลต่อกำลังการผลิตปรับตัวลดลง โดยการปรับโครงการสร้างธุรกิจดังกล่าวใช้งบลงทุนราว 100 ล้านบาท และคาดว่าจะส่งผลกระทบต่อรายได้ไปอีก 1-2 ปีจากนี้ รวมถึงการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ก็อยู่ในช่วงของการทดลอง ทำให้อัตรากำไร (มาร์จิ้น) ยังมีไม่มากนัก
อย่างไรก็ตาม ผลประกอบการในช่วงครึ่งปีหลังนี้น่าจะดีกว่าครึ่งปีแรกเล็กน้อย โดยได้รับอานิสงค์จากห้างสรรพสินค้ามีการสต็อกถุงพลาสติกเอาไว้เพื่อรองรับการจับจ่ายใช้สอยในช่วงสิ้นปีที่เป็นช่วงของเทศกาลต่างๆ จึงคาดกำลังการผลิตในครึ่งปีหลังนี้จะอยู่ที่ 80% จากครึ่งปีแรกอยู่ที่ 77%
ขณะที่บริษัทวางงบลงทุนราว 400 ล้านบาท (ปี 60-61) เพื่อเพิ่มกำลังการผลิต Flexible Packaging เป็น 150 ล้านเมตร/ปี ในเดือนพ.ค.61 และขยับเพิ่มเป็น 200 ล้านเมตร/ปี ในปี 62 จากปัจจุบันมีกำลังการผลิตอยู่ที่ 100 ล้านเมตร/ปี
สำหรับความคืบหน้าการเข้าซื้อหุ้นเพิ่มทุนของบริษัท มินิมา เทคโนโลยี จำกัด ประเทศไต้หวัน ผู้ผิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์พลาสติกชีวภาพย่อยสลายได้ 100% ขณะนี้บริษัทย่อย บริษัท ทีพีบีไอ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด อยู่ระหว่างการทำ Due Diligence คาดว่าจะสามารถสรุปได้ภายในปีนี้ โดยจะเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นของกลุ่มบริษัทในอัตราไม่เกิน 25% จากปัจจุบันถืออยู่ 19%
นอกจากนี้ บริษัทก็อยู่ระหว่างเจรจาเพื่อเข้าซื้อกิจการในธุรกิจที่คล้ายคลึงกัน จำนวน 2-3 ราย ในภูมิภาคเอเชียตะวันออก คาดว่าจะเห็นความชัดเจนภายในปลายปีนี้ ถึงต้นปีหน้า
"ที่ผ่านมาเรามีการปรับปรุงโครงสร้างธุรกิจ โดยเฉพาะการปิดปรับปรุงเครื่องจักร ทำให้กำลังการผลิตเราลดลง ขณะที่การออกผลิตภัณฑ์ใหม่ก็ยังอยู่ในช่วงของการทดลอง มาร์จิ้นก็ยังไม่มากนัก ทำให้รายได้ปีนี้น่าจะทรงตัวจากปีก่อน"นายกมล กล่าว