นางออมสิน ศิริ ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กร บมจ.พลังงานบริสุทธิ์ (EA) คาดว่ารายได้ของบริษัทในปี 61 จะเติบโต 20-30% จากปีนี้ ที่มั่นใจว่าจะทำรายได้เติบโต 27% จากระดับ 1.04 หมื่นล้านบาทในปีก่อนตามเป้า เนื่องจากบริษัทจะรับรู้ผลการดำเนินงานของกำลังการผลิตไฟฟ้าใหม่ที่มีกำหนดจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบในเชิงพาณิชย์ (COD) ของโครงการพลังงานลมหนุมานในจังหวัดชัยภูมิ กำลังการผลิต 260 เมกะวัตต์ ภายในช่วงครึ่งปีหลังของปี 61 จะส่งผลให้บริษัทมีกำลังการผลิตรวมเป็น 664 เมกะวัตต์
นอกจากนี้ บริษัทมีแผนขยายโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนไปยังประเทศอื่น ๆ เพิ่มเติม โดยคาดว่าจะได้ข้อสรุปการเจรจาพันธมิตรในโรงไฟฟ้าแสงอาทิตย์ และโรงไฟฟ้าพลังงานลมในประเทศเมียนมา, อินโดนีเซีย, เวียดนาม, มาเลเซีย ภายในอีก 3-6 เดือน ซึ่งการลงทุนโรงไฟฟ้าทุกแห่งจะมีการใช้แบตเตอรี่สำรองไฟฟ้าร่วมด้วย (Energy Storage) โดยบริษัทจะเข้าไปเจรจากับการไฟฟ้าของประเทศต่าง ๆ เพื่อเข้าไปลงทุนในพื้นที่ที่ไม่สามารถก่อตั้งโรงไฟฟ้าที่ใช้สายส่งขนาดใหญ่ได้ และจำหน่ายไฟฟ้าให้แก่พื้นที่บริเวณใกล้เคียงเท่านั้น โดยตั้งเป้าผลตอบแทนจากการลงทุน (ROE) ไม่ต่ำกว่า 15%
สำหรับโครงการสถานีอัดประจุไฟฟ้าสำหรับยานยนต์ไฟฟ้าภายใต้เครื่องหมายการค้า "EA Anywhere" บริษัทตั้งเป้าขยายสถานีทั่วประเทศครบ 1,000 สถานีภายในปี 61 โดยจะเข้าเจรจากับสถานีบริการน้ำมันอื่น ๆ เพิ่มเติมจากปัจจุบันที่เข้าไปติดตั้งในสถานีบริการน้ำมันซัสโก้เพียงรายเดียว โดยคาดว่าในเดือนต.ค.นี้ จะได้ข้อสรุปวิธีเก็บเงินจากหัวจ่ายรถยนต์ไฟฟ้าที่เข้ามาใช้บริการ จากเดิมที่ไม่มีการเก็บค่าบริการ โดยเบื้องต้นจะเป็นการแบ่งรายได้ (Revenue Sharing) จากผู้ให้บริการเก็บค่าจอดรถ หรืออาจเก็บเงินผ่านบัตรเติมเงิน หรือตัดเงินผ่านแอพพลิเคชั่น
ด้านโครงการก่อตั้งโรงงานผลิตแบตเตอรี่ในระยะที่ 2 กำลังการผลิต 49 กิโลวัตต์ต่อชั่วโมง (GWh) งบลงทุน 9.8 หมื่นล้านบาท บริษัทคาดว่าจะสามารถสรุปพันธมิตรร่วมทุนได้ภายในไตรมาส 4/60 นี้จากปัจจุบันเจรจาอยู่ทั้งหมด 4-5 ราย โดยบริษัทจะยังคงถือหุ้นใหญ่ในสัดส่วน 51% สำหรับแผนการดำเนินงานขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการหาที่ดินเพื่อก่อตั้งโรงงานในระยะที่ 1 มูลค่า 2 พันล้านบาท กำลังการผลิต 1 GWh ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาในการก่อสร้างราว 16 - 18 เดือน และสามารถดำเนินการผลิตได้ภายในไตรมาส 1/62 เพื่อรองรับการใช้แบตเตอรี่ของโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทน และมีแผนเปิดดำเนินการระยะที่ 2 กำลังผลิต 49 GWh ภายในปี 64 เพื่อรองรับยานยนต์ไฟฟ้าที่จะเริ่มได้รับความนิยมมากขึ้น