นายถนอมศักดิ์ สหรัตน์ชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิจัย บล.เคที ซีมิโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่งไซด์เวย์ และอาจจบวกได้เล็กน้อย ซึ่งก็อาจจะสวนทางตลาดต่างประเทศที่ปรับตัวลง โดยตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่จะปรับตัวลง เนื่องจากมีความวิตกกับสถานการณ์เกาหลีเหนือ ที่อาจมีการยิงขีปนาวุธข้ามทวีปในช่วงสุดสัปดาห์นี้ หลังจากที่ได้ทำการทดสอบระเบิดไฮโดรเจนเป็นผลสำเร็จ ทำให้นักลงทุนกังวลว่าหากเกาหลีเหนือยิงขีปนาวุธจริงแล้วจะมีการตอบโต้หรือไม่
ส่วนตลาดบ้านเราจะเห็นได้ว่านักลงทุนต่างชาติไม่ได้เข้ามาลงทุนมากนัก และในทางเทคนิคยังดีหลังจากที่ดัชนีสามารถทะลุแนว 1,600 จุด ขึ้นไปได้ ซึ่งหุ้นขนาดกลาง-เล็กก็คงจะยังช่วยประคองตลาดฯไว้ จากคาดหวังแนวโน้มจะดีขึ้น
พร้อมให้แนวรับ 1,615-1,610 จุด ส่วนแนวต้าน 1,625-1,630 จุด
ประเด็นการพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (5 ก.ย.60) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 21,753.31 จุด ร่วงลง 234.25 จุด (-1.07%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 6,375.57 จุด ลดลง 59.76 จุด (-0.93%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,457.85 จุด ลดลง 18.70 จุด (-0.76%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 99.75 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 11.89 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 69.79 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 23.97 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 1.78 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 0.88 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 0.80 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ ลดลง 24.11 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (5 ก.ย.60) 1,620.42 จุด เพิ่มขึ้น 1.31 จุด (+0.08%)
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 318.83 ล้านบาท เมื่อวันที่ 5 ก.ย.60
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (5 ก.ย.60) ปิดที่ 48.66 ดอลลาร์/บาร์เรล พุ่งขึ้น 1.37 ดอลลาร์ หรือ 2.9%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (5 ก.ย.60) ที่ 10.07 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 33.16 ทรงตัวจากวานนี้ รับข่าวเฟดอาจชะลอขึ้นดบ.-วิตกสถานการณ์เกาหลีเหนือ
- กกร. หวังการส่งออกโตต่อเนื่อง ดันลงทุนเอกชนฟื้น มองทั้งปีโต 2.2% สูงสุดรอบ 3 ปี สะท้อนเอกชนมั่นใจคำสั่งซื้อ หนุนภาคการผลิตเพิ่มการจ้างงาน ยังคงเป้าส่งออก โต 3.5-4.5% รอดูสถานการณ์การเมืองโลก ห่วงเงินบาทแข็งเร็ว เร่งหามาตรการช่วย "เอสเอ็มอี" ป้องความเสี่ยงค่าเงิน คาดได้ข้อสรุปภายในสัปดาห์นี้
- เมื่อวันที่ 5 ก.ย. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้พบปะทวิภาคีกับ นายวลาดิมีร์ ปูติน ประธานาธิบดีแห่งสหพันธรัฐรัสเซีย ระหว่างเข้าร่วมการประชุมผู้นำกลุ่มประเทศบริคส์ (BRICS) กับประเทศตลาดเกิดใหม่และประเทศกำลังพัฒนา ที่สาธารณรัฐประชาชนจีน โดยทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องถึงความสัมพันธ์ไทยและรัสเซียที่มีพัฒนาการมาตลอด 20 ปี โดยตั้งเป้าหมายเพิ่มมูลค่าการค้าเป็น 5 เท่า ภายใน 5 ปี
- 'พาณิชย์' เกาะติดข่าว 'ทรัมป์' ตอบโต้เกาหลีเหนือ ขู่ตัดสัมพันธ์การค้ากับทุกประเทศที่เป็นคู่ค้า หวั่นกระทบส่งออกเข้าสหรัฐ เล็งหารือเอกชน ด้านสมาคมนุ่งห่มไทย กุมขมับวิตกกดดันยอดส่งออกติดลบเพิ่มจากที่เป็นอยู่ 10% หันพึ่งพาตลาดใหม่ๆ
- สนพ.เผยโครงการสตึงมนัมยังชะลอ หลังนายกฯ สั่ง ก.เกษตรศึกษาความต้องการนำในพื้นที่อีอีซี ชี้ต้นทุนที่ 10.75 บาทเป็นราคาสูงสุด ซึ่งยังคุ้มค่าเพราะได้น้ำมาบริหารอุตสาหกรรมในพื้นที่ แย้ม กพช.ยังไม่อนุมัติเอ็มโอยู รอผลศึกษาชัดเจน
*หุ้นเด่นวันนี้
- CPNRF (ธนชาต) "ซื้อ" เป้า 23 บาท ได้รับอนุมัติจากผู้ถือหุ้นแล้วสำหรับการแปลงเป็น REIT และการอัดฉีดสินทรัพย์เข้ากองฯ ใน 4Q60 ด้วยมีกระแสเงินสดเพิ่มเติมจากสินทรัพย์ใหม่ dividend yield ของ CPNRF จึงเพิ่มขึ้นในปี 2561-2562 และด้วยสินทรัพย์มีคุณภาพ และให้ yield ดี
- MEGA (กสิกรไทย) "ซื้อ"เป้า 36.50 บาท ปรับประมาณการกำไรขึ้น 8%/10%/9% ในปี 60-62 และปรับเพิ่มเป้าหมาย Trailing PER ขึ้นจาก 26 เท่า เป็น 27 เท่า สอดคล้องกับค่าเฉลี่ยของ Trailing PER ตั้งแต่เดือน พ.ย.56 คาดการณ์รายได้ที่เติบโตแข็งแกร่งในตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้, การฟื้นตัวของยอดขายในประเทศไทยและไนจีเรีย และ คาดการณ์กำไรไตรมาส 4/2560 ที่น่าจะทำจุดสูงสุดใหม่อีกครั้ง แม้แผนการเปิดตัวสินค้าภายใต้ JV กับ MALEE จะเลื่อนออกไปเป็นไตรมาส 1/2561 แต่มิได้มีผลกระทบต่อประมาณการ โดยคาดกำไรสุทธิหลักในปี 61-62 โตต่อเนื่องที่ 14%/15% มาที่ 1.26 พันล้านบาท และ 1.44 พันล้านบาท ตามลำดับ จากรายได้ที่เติบโตทั้งจาก MegaWeCare, Maxxcare, EBIT margin คาดจะค่อยๆเพิ่มขึ้น
- STEC (เออีซี) "ซื้อ"เป้า Consensus 31.33 บาท ปี 60-61 คาดกำไรโตเฉลี่ยปีละ 6.7% จาก Backlog ในมือ 1 แสนล้านบาท ซึ่งคาดรับรู้ได้ถึงปี 63 และล่าสุดได้งานสร้างรถไฟทางคู่สายประจวบฯ-ชุมพร สัญญา 2 มูลค่า 5.99 พันล้านบาท อีกทั้งมี Upside Risk จากเข้าร่วม e-Auction รถไฟทางคู่สายลพบุรี-ปากน้ำโพ ราคากลาง 1.01 หมื่นล้านบาท ในวันที่ 7 ก.ย.
- COMAN (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 8.10 บาท คาดกำไรผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วใน 2Q60 เพราะ 2H60 เริ่มข้า High Season ของการท่องเที่ยว ทำให้ยอดขายซอฟท์แวร์ที่ใช้ในโรงแรมเร่งตัวขึ้น และยังรับรู้กำไรของซินเนเจอร์ที่พัฒนาซอฟท์แวร์ให้ร้านอาหารชื่อดังทั่วประเทศได้เต็มที่ เนื่องจากค่าใช้จ่ายซื้อหุ้น 51% ถูกบันทึกไปเกือบหมดแล้วใน 2Q60 พร้อมคาดกำไรปีนี้พักฐาน -34% Y-Y เพราะล้างบางงบ ก่อนกลับมากระชากแรง +92% Y-Y ในปีหน้า ซึ่งจะทำให้ PE2561 ลดเหลือ 21 เท่า ต่ำกว่ากลุ่มเทคโนโลยี MAI ที่ 35 เท่า และคิดเป็น PEG เทียบการเติบโตเฉลี่ยปี 2018-2020 ต่ำเพียง 0.51 เท่า ขณะที่ เงินสดในมือสูงถึง 2 บาท/หุ้น และไม่มีหนี้ที่ต้องจ่ายดอกเบี้ย