นายรชต ลีลาประชากุล กรรมการผู้จัดการ บมจ.ไทย-เยอรมัน โปรดักส์ (TGPRO) เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่าผลการดำเนินในช่วงปี 60-61 มีทิศทางการเติบโตที่ดี และมีโอกาสที่ผลการดำเนินงานทั้งรายได้และกำไรจะทำสถิติสูงสุดใหม่ (New High) อย่างต่อเนื่อง จากแนวโน้มอุตสาหกรรมท่อสเตนเลสที่กลับมาฟื้นตัว โดยเห็นจากความต้องการใช้ท่อสเตนเลสในประเทศเพิ่มขึ้นหลังจากโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐเดินหน้ามากขึ้น และภาคเอกชนในบางอุตสาหกรรมก็มีการลงทุนเพิ่มขึ้นด้วย
ขณะที่ความต้องการใช้ในต่างประเทศก็ปรับตัวเพิ่มขึ้นเช่นกัน โดยเฉพาะในกลุ่ม CLMV ที่มีการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน และการลงทุนของภาคเอกชนที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งปัจจุบันบริษัทได้ส่งออกท่อสเตนเลสไปขายในกลุ่ม CLMV อยู่แล้ว
นอกจากนี้ การออกผลิตภัณฑ์ท่อเกลียวสเตนเลสชนิดใหม่ “EXTUBA TURBO TUBE"ประเภทผนังท่อด้านในมีครีบและประเภทผนังท่อด้านนอกมีครีบที่มีลักษณะพิเศษคือการมีครีบร่องเกลียว เป็นคุณสมบัติที่ช่วยในการถ่ายเทความร้อนได้ดีขึ้น ได้รับความสนใจจากลูกค้าในยุโรปที่เริ่มส่งคำสั่งซื้อล่วงหน้าเข้ามาแล้วบางส่วน ซึ่งถือเป็นลูกค้ากลุ่มใหม่ที่บริษัทจะเข้าไปรุกตลาดมากขึ้น
ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศในปี 61 จะเพิ่มเป็น 40-50% จากปีนี้ที่ 30% เพราะตลาดขยายตัวมากขึ้น
นายรชต กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ในปี 61 จะเติบโต 30-40% หรือทะลุ 2 พันล้านบาท จากปีนี้ที่ตั้งเป้ารายได้เติบโตราว 20% เนื่องจากในปีหน้ากำลังการผลิตท่อสเตนเลสจะเพิ่มเป็น 4,000 ตัน/เดือน จากปัจจุบันอยู่ที่ 1,500 ตัน/เดือน โดยบริษัทอยู่ระหว่างการลงทุนติดตั้งเครื่องจักรใหม่คาดว่าจะทยอยแล้วเสร็จพร้อมเดินเครื่องผลิตเชิงพาณิชย์ได้ภายในปลายปีนี้หรือต้นปี 61 ซึ่งใช้งบลงทุนไปทั้งหมด 1 พันล้านบาท จากกระแสเงินสดและเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน
ส่วนแนวโน้มของอัตรากำไรขั้นต้นในปี 61 บริษัทคาดว่าจะปรับตัวดีขึ้น เนื่องจากผลิตภัณฑ์ใหม่ท่อสเตนเลส EXTUBA ให้อัตรากำไรสูงถึง 30% ซึ่งจะช่วยเข้ามาหนุนอัตรากำไรขั้นต้นในปีหน้าอย่างมีนัยสำคัญ โดยคาดว่าจะสูงขึ้น 10-15% จากระดับอัตรากำไรขั้นต้นเฉลี่ยปัจจุบันที่ 13-14% ขณะที่บริษัทตั้งเป้ายอดขายท่อสเตนเลส EXTUBA เติบโต 15% จากปีนี้
"ผลการดำเนินงานในปีนี้และปีหน้าเราคาดว่าจะทำนิวไฮต่อเนื่อง เพราะภาพรวมอุตสาหกรรมสเตนเลสกลับมาฟื้นตัวดีขึ้น จากการลงทุนต่างๆในประเทศที่ช่วยให้ความต้องการใช้ปรับตัวดีขึ้น และตลาดต่างประเทศก็ยังมีการเติบโต และ เรามีกำลังการผลิตเพิ่มเป็น 4,000 ตัน/เดือน ทำให้เราต้องเดินหน้าขายมากขึ้นในปีหน้า"นายรชต กล่าว
ขณะที่แนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้ คาดว่าจะออกมาดีกว่าครึ่งปีแรกที่มีรายได้ 742.86 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 9.19 ล้านบาท เนื่องจากเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจที่มีความต้องการใช้ทั้งจากภาคอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ ทั้งปิโตรเคมี อาหารและยา ก่อสร้าง เกษตร กระดาษ และ เครื่องดื่ม ที่มีการปรับปรุงโรงงาน และ เครื่องจักร
รวมถึงการเดินหน้าของการลงทุนโครงการต่างๆของภาครัฐ ทำให้ผู้รับเหมาต่างๆมีความต้องการใช้ท่อสเตนเลสเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นผลในการช่วยหนุนผลการดำเนินงานของบริษัทยังคงมีการเติบโตอย่างสดใส แม้ว่ายอดขายจากการส่งออกจะเผชิญกับค่าเงินบาทที่แข็งค่า แต่บริษัทไม่ได้เป็นกังวล เพราะค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นบริษัทมีการนำเข้าวัตถุดิบที่ต้นทุนถูกลงด้วยเช่นกัน จึงสามารถชดเชยผลกระทบจากการส่งออกได้
นายรชต ยังกล่าวถึงความคืบหน้าการปรับโครงสร้างบริษัทเป็นโฮลดิ้งว่า บริษัทได้ชะลอแผนดังกล่าวออกไป เนื่องจากภาวะอุตสาหกรรมสเตนเลสกลับมาฟื้นตัวดีขึ้นค่อนข้างมาก ทำให้บริษัทยังคงมุ่งเน้นการขายผลิตภัณฑ์ท่อสเตนเลส ซึ่งเป็นธุรกิจหลักที่บริษัทมีความเชี่ยวชาญ ประกอบกับกำลังการผลิตใหม่ที่เพิ่มขึ้นมา ทำให้บริษัทจำเป็นต้องเน้นงานขายท่อสเตนเลสมากขึ้น เพื่อช่วยหนุนการเติบโตของบริษัท และ บริษัทยังเป็นผู้นำตลาดอันดับ 1 ของท่อสเตนเลสอีกด้วย ทำให้ทิศทางการเติบโตของธุรกิจท่อสเตนเลสของบริษัทยังมีการเติบโตที่ดี