นายสมพล เอกธีรจิตต์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.ลีซ อิท (LIT) กล่าวว่า แนวโน้มการปล่อยสินเชื่อในช่วงครึ่งหลังปีนี้น่าจะเติบโตดีกว่าครึ่งปีแรก ซึ่งจะช่วยหนุนให้การปล่อยสินเชื่อทั้งปีนี้ทำได้มากกว่า 1 หมื่นล้านบาท หลังครึ่งปีแรกทำได้แล้ว 4.85 พันล้านบาท เนื่องจากช่วงครึ่งปีหลังถือว่าเป็นช่วงไฮซีซั่น ซึ่งบริษัทจะเน้นการปล่อยสินเชื่อเพื่อออกหนังสือค้ำประกันซองประมูลราคา (Bid Bond) เพื่อรองรับการเข้าประมูลงานของผู้ประกอบการ เนื่องจากในช่วงของไตรมาส 3 จะเป็นช่วงที่ภาครัฐเปิดประมูลงานโครงการต่าง ๆ จำนวนมาก รวมถึงจะเน้นการปล่อยสินเชื่อเพื่อสนับสนุนโครงการ (Project Backup Finance) เนื่องจากให้ผลตอบแทนในระดับสูงด้วย
ทั้งนี้ การปล่อยสินเชื่อที่เพิ่มขึ้นก็จะช่วยผลักดันรายได้ครึ่งหลังปีนี้ดีกว่าครึ่งปีแรก และหนุนให้รายได้ทั้งปีเติบโตไม่ต่ำกว่าเป้าหมาย 30% และกำไรน่าจะทำสถิติสูงสุดใหม่อย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันบริษัทมีแผนจะควบคุมหนี้ที่ไม่เกิดให้ก่อรายได้ปีนี้ (NPL) ปีนี้ไว้ไม่ให้เกิน 5% และจะตั้งสำรองเผื่อหนี้สงสัยจะสูญที่ระดับ 2.75-3% ของยอดลูกหนี้คงเหลือ และยังคงเป้าพอร์ตลูกหนี้สินเชื่อรวมปีนี้ไว้ที่ 2.2 พันล้านบาท จากครึ่งปีแรกมีพอร์ตลูกหนี้อยู่ที่ 2.1 พันล้านบาท
"แนวโน้มการปล่อยสินเชื่อในช่วงครึ่งหลังของปี 60 คาดว่าจะเติบโตอย่างแข็งแกร่งจากความต้องการสินเชื่อที่เพิ่มขึ้นของผู้ประกอบการ SME ซึ่งกลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่ของบริษัทเป็นคู่ค้าของภาครัฐ ที่ได้รับประโยชน์จากการเร่งขยายการลงทุนของภาครัฐ อีกทั้งบริษัทมีจุดแข็งที่สำคัญ ที่ทำให้ได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้า เนื่องจากปล่อยสินเชื่อได้อย่างรวดเร็ว ให้วงเงินสูง ไม่ใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน และมีสินเชื่อที่ตอบโจทย์ความต้องการของ SME ที่ทำงานภาครัฐ เช่น สินเชื่อ Bid Bond สินเชื่อเพื่อสนับสนุนโครงการ และบริการรับซื้อหนี้ทางการค้า (Factoring) ทำให้ลูกค้าพึงพอใจและกลับมาใช้บริการสินเชื่อของบริษัทอย่างต่อเนื่อง"นายสมพล กล่าว
นายสมพล กล่าวอีกว่า บริษัทมีแผนที่จะปรับโครงสร้างหนี้จากหนี้ตั๋วเงินระยะสั้น (B/E) ให้ลดลงเหลือศูนย์ จากปัจจุบันลดลงมาอยู่ที่ 303 ล้านบาทแล้ว และคาดว่าในสิ้นปีนี้จะลดลงมาอีกเหลือเพียง 100 ล้านบาท เนื่องจากการออกตํ๋ว B/E ในขณะนี้มีความเสี่ยงมากขึ้น และมีดอกเบี้ยที่สูงขึ้น ทำให้บริษัทต้องการลดความเสี่ยงดังกล่าว และหันไปใช้เครื่องมือการระดมทุนรูปแบบอื่นแทน เช่น การออกหุ้นกู้ เป็นต้น ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาผู้ถือหุ้นอนุมัติวงเงินออกหุ้นกู้จำนวน 500 ล้านบาท และมีการออกหุ้นกู้ไปแล้วจำนวน 2 ครั้ง รวม 385 ล้านบาท และในช่วงที่เหลือของปีนี้คาดว่าจะออกหุ้นกู้ได้อีกจำนวน 115 ล้านบาท เพื่อรองรับการปล่อยสินเชื่อของบริษัท