นายสุรชัย โฆษิตเสรีวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานด้านบัญชีและการเงิน บมจ.บางจาก คอร์ปอเรชั่น (BCP) คาดว่าผลประกอบการไตรมาส 3/60 จะเติบโตมากกว่าไตรมาส 2/60 ที่มีรายได้ 4.28 หมื่นล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 993 ล้านบาท เนื่องจากค่าการกลั่น (GRM) อยู่ในระดับสูงคาดแตะ 7.5 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เป็นผลจากเฮอริเคนฮาร์วีย์ ทำให้มีโรงกลั่นหลายแห่งในสหรัฐฯต้องหยุดผลิตและการหยุดซ่อมบำรุงของโรงกลั่นที่อินเดีย
ขณะเดียวกันจากราคาน้ำมันดิบ ดูไบ ที่เฉลี่ยประมาณ 50 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรลในขณะนี้ และมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นอีก ซึ่งสูงกว่าระดับ 49.7 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรลในไตรมาส 2/60 ทำให้คาดว่าในไตรมาส 3/60 จะมีกำไรจากสต็อกน้ำมัน หลังจากที่มีผลขาดทุนจากสต็อกน้ำมันในไตรมาสที่ผ่านมา จำนวนราว 1.1 พันล้านบาท
สำหรับทิศทางผลประกอบการทั้งปีนี้ บริษัทยังคงเป้าหมายกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย,ภาษี,ค่าเสื่อมและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) เติบโต 20% จากปีก่อนที่ทำได้ 1.14 หมื่นล้านบาท เนื่องจากคาดว่าจะมีปริมาณการกลั่นน้ำมันเฉลี่ย 1.11 แสนบาร์เรล/วัน เพิ่มขึ้นจากระดับ 1.01 แสนบาร์เรล/วัน และคาดค่าการกลั่นเฉลี่ยปีนี้อยู่ที่ 7 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล และราคาน้ำมันดิบดูไบ เฉลี่ย 51-52 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล
ทั้งนี้ บริษัทอยู่ระหว่างทำแผนการเปิดสถานีบริการน้ำมันในประเทศเพื่อนบ้าน และคาดว่าจะเริ่มเปิดได้ในปี 61 และยังมีแผนเพิ่มประสิทธิภาพโรงกลั่นและเพิ่มกำลังการกลั่นเป็น 1.33 แสนบาร์เรล/วัน จากกำลังการกลั่นที่ 1.2 แสนบาร์เรล/วัน โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างการเปิดให้ผู้รับเหมาประมูลราคา ซึ่งคาดว่าการก่อสร้างจะแล้วเสร็จในปี 63 รวมถึงอยู่ระหว่างทบทวนแผนงาน 5 ปี คาดว่าจะเสร็จในสิ้นปีนี้
ส่วนแผนการเปิดสถานีน้ำมันในประเทศปีนี้คาดจะเปิดเพิ่มอีก 80 แห่ง และจะมีการปิดสาขาเดิมจากเจ้าของที่ดินไม่ต่อสัญญา ทำให้ปีนี้จะมีสาขาเพิ่มสุทธิประมาณ 40 สาขา จากสิ้นปี 59 อยู่ที่ 1,075 แห่ง ในขณะเดียวกันมีแผนเปิดร้านกาแฟอินทนินเพิ่มเติม โดยตั้งเป้าปีนี้จะอยู่ที่ 500 สาขา จากครึ่งปีแรกอยู่ที่ 404 สาขา และเพิ่มเป็น 900 สาขาในปี 64 พร้อมเปิดร้าน SPAR Supermarket ปีนี้เป็น 40 สาขา จากครึ่งปีแรกอยู่ที่ 18 สาขา เพิ่มเป็น 400 สาขาในปี 64