นายอุทัย อุทัยแสงสุข ประธานผู้บริหารสายงานปฏิบัติการ บมจ.แสนสิริ (SIRI) เปิดเผยว่า บริษัทมั่นใจว่าจะยอดขายในปีนี้จะทำได้ตามเป้าหมายที่ 4 หมื่นล้านบาท เนื่องจาก 8 เดือนแรกทำได้แล้ว 2.5 หมื่นล้านบาท ขณะที่ช่วงครึ่งหลังของปีบริษัทมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่รวม 14 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 3.65 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็น คอนโดมิเนียม 6 โครงการ มูลค่า 2.11 หมื่นล้านบาท โครงการบ้านเดี่ยว 7 โครงการ มูลค่า 1.46 หมื่นล้านบาท และโครงการทาวน์เฮาส์ 1 โครงการ มูลค่า 800 ล้านบาท ซึ่งจะมาช่วยสนับสนุนยอดขายในช่วงครึ่งปีหลัง โดยเฉพาะในช่วงไตรมาส 4/60 ที่จะมีการเปิดขายโครงการส่วนใหญ่
ขณะเดียวกันบริษัทยังมียอดขายจากลูกค้าชาวต่างชาติที่เข้ามาสนับสนุนเพิ่มขึ้น หลังจากที่บริษัทเข้าไปเปิดตลาดลูกค้าในภูมิภาคเอชียทั้งในสิงคโปร์ ฮ่องกง จีน ญี่ปุ่น และไต้หวัน ทำให้ลูกค้าต่างชาติรู้จักและให้ความเชื่อถือในตัวบริษัทมากขึ้น และมีแนวโน้มจะทำยอดขายจากลูกค้าชาวต่างชาติเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งปัจจุบันมียอดขายจากลูกค้าชาวต่างชาติแล้ว 4.8 พันล้านบาท ใกล้เคียงกับปีก่อนทั้งปีที่ 5.4 พันล้านบาท ซึ่งบริษัทมั่นใจยอดขายจากลูกค้าชาวต่างชาติในปีนี้จะทำได้ตามเป้าหมายที่ 8 พันล้านบาท
ด้านรายได้คาดว่าจะทำได้ 3.2 หมื่นล้านบาทตามเป้าหมายที่ตั้งไว้เช่นกัน โดยมาจากรายได้จากการขายโครงการ 2.8 หมื่นล้านบาท และอีก 4 พันล้านบาทมาจากบริษัทย่อย โดยในไตรมาส 4/60 จะเป็นไตรมาสที่มีรายได้มากที่สุด เพราะมีการโอนคอนโดมิเนียม 3 โครงการมีมูลค่ารวม 1 หมื่นล้านบาท ได้แก่ โครงการ The Line จตุจักร ที่มีมูลค่า 6 พันล้านบาท โครงการโมบิ เฮาส์ สุขุมวิท 77 มูลค่าโครงการ 2 พันล้านบาท และโครงการเดอะโมโนเม้นท์ สนามเป้า มูลค่า 2 พันล้านบาท
ส่วนงบซื้อที่ดินในปีนี้บริษัทตั้งไว้ 1.3 หมื่นล้านบาท ใช้ไปแล้ว 8 พันล้านบาท โดยปัจจุบันบริษัทมีที่ดินในมือ (Land Bank) ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในกรุงเทพและปริมณฑลและรองรับการพัฒนาโครงการในช่วง 3-3.5 ปีข้างหน้า
ล่าสุด บริษัทได้เปิดโครงการคอนโดมิเนียม taka HAUS (ทากะ เฮาส์) มูลค่า 2 พันล้านบาท ซึ่งเป็นโครงการคอนโดมิเนียมโครงการแรกที่ร่วมทุนกับพันธมิตรญี่ปุ่น คือ โตคิว คอร์ปอเรชั่น จำกัด ประเทศญี่ปุ่น พัฒนาภายใต้ บริษัท สิริ ทีเค วัน (Siri TK One Company Limited) โดยกลุ่มแสนสิริถือหุ้น 70% และกลุ่มโตคิวฯ ถือหุ้นสัดส่วน 30%
โครงการ taka HAUS มีมูลค่าโครงการ 2 พันล้านบาท ตั้งอยู่ในซอยสุขุมวิท 63 หรือเอกมัย 12 (ซอยเจริญใจ) จำนวน 269 ยูนิต เตรียมเปิด Global Launch เปิดขายอย่างเป็นทางการพร้อมกันใน 6 ประเทศ ไทย-ญี่ปุ่น-ฮ่องกง-จีน-สิงคโปร์-ไต้หวัน วันที่ 16-17 ก.ย.นี้ ในราคาเริ่มต้น 4.49 ล้านบาท วางเป้าหมายกลุ่มลูกค้าไทยและต่างชาติ 55:45 เปอร์เซ็นต์ และตั้งเป้าปิดยอดขายช่วงพรีเซลล์ประมาณ 1 พันล้านบาท หรือเกินกว่า 50% จากจำนวนยูนิต โดยลูกค้าที่จองในช่วงวันพรีเซลจะได้รับโปรโมชั่นส่วนลดสูงสุดกว่า 50,000 บาท พร้อมลุ้นรางวัลพิเศษ
นายอุทัย กล่าวว่า การเปลี่ยนแปลงของเมืองและการขยายตัวของเส้นสุขุมวิทที่ขยายตัวออกมาทางเอกมัยมากขึ้นส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงของราคาและค่าเช่าที่อยู่อาศัย โดยการเปลี่ยนแปลงของราคาคอนโดมิเนียมรีเซลล์เติบโตเฉลี่ย 6-10% ต่อปี และราคาปล่อยเช่าในทำเลเอกมัยเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 25,000-55,000 บาท/เดือน ขณะที่ผลตอบแทนในการลงทุนที่ประมาณ 5-6% ต่อปี นับว่าราคาคอนโดมิเนียมในทำเลนี้ยังเหมาะสมในการซื้อเพื่อการลงทุน ดังนั้น ทำเลย่านเอกมัยจึงกลายเป็นทำเลที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนที่โฟกัสชาวต่างชาติเป็นหลัก โดยเฉพาะชาวญี่ปุ่น ซึ่งเป็นผู้เช่าเกรดพรีเมียมสำหรับกลุ่มนักลงทุน