SCB คาดปีนี้รายได้-กำไรทรงตัวจากปีก่อนหลังเน้นคุณภาพหนี้-ลงทุนไอทีกดดัน,ยังมั่นใจสินเชื่อโตเข้าเป้า

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday September 12, 2017 13:07 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอาทิตย์ นันทวิทยา กรรมการผู้จัดการใหญ่ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) เปิดเผยว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานในแง่ของรายได้และกำไรในปีนี้คาดว่าจะออกมาใกล้เคียงกับปีก่อนที่มีรายได้อยู่ที่ 1.64 แสนล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 4.76 หมื่นล้านบาท เนื่องจากปัจจุบันกลยุทธ์ของธนาคารในปัจจุบันไม่ได้ตั้งเป้าหมายการขยายตัวของสินเชื่อที่เติบโตอย่างมาก แต่หันมาเน้นดูแลด้านคุณภาพหนี้ของลูกค้ามากขึ้น

ประกอบกับธนาคารได้มีการลงทุนเกี่ยวกับเทคโนโลยีเพื่อเสริมการให้บริการของธนาคารแก่ลูกค้า เพื่อทำให้ลูกค้าได้มีประสบการณ์ในการใช้บริการของธนาคารที่ดีและมีความพึงพอใจ และเป็นการเพิ่มฐานลูกค้าได้อีกทางหนึ่ง ทำให้ในปีนี้ผลการดำเนินงานของธนาคารจะยังไม่เห็นการเติบโตที่หวือหวา

"ตอนนี้ SCB ได้ลงทุนเกี่ยวกับเทคโนโลยีเพื่อเสริมการบริการต่างๆเข้ามา ทำให้มีต้นทุนจากการลงทุนในส่วนนี้เข้ามา แต่ที่เราทำไปเพราะเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ที่จะช่วยเพิ่มฐานลูกค้าที่มีแพลทฟอร์มของการบริการรองรับ ทำให้ลูกค้าอยากใช้บริการของเรามากขึ้น ซึ่งเป็นผลที่จะเกิดขึ้นตามมาหลังจากที่บริการของเราออกมาตอบโจทย์การใช้งานของลูกค้า"นายอาทิตย์ กล่าว

อย่างไรก็ตาม ธนาคารคาดว่าสินเชื่อรวมในปี 60 จะขยายตัวได้ที่ 6% ซึ่งเป็นกรอบล่างของเป้าหมาย 6-8% แม้ว่าในช่วงที่ผ่านมาการขยายตัวของสินเชื่อรวมยังต่ำกว่าเป้าหมาย โดยครึ่งปีแรกสินเชื่อขยายตัวได้เพียง 2% แต่มองว่าจากแนวโน้มของเศรษฐกิจไทยที่เติบโตขึ้นจากภาคการส่งออกที่ขยายตัวและการเริ่มลงทุนโครงการต่างๆ ของภาครัฐจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจให้เติบโตได้ดี สร้างความมั่นใจให้กับภาคเอกชนลงทุนตาม และจะทำให้ความต้องการสินเชื่อเพิ่มขึ้น

ด้านหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) รในช่วงครึ่งปีหลังคาดว่าจะยังทรงตัวจากครึ่งปีแรกที่ 2.65% ของสินเชื่อรวม เนื่องจากปัจจุบันคุณภาพหนี้ของลูกค้าเริ่มกลับมาเข้าสู่ภาวะปกติ แต่อย่างไรก็ตามธนาคารยังต้องติดตามสถานการณ์ของลูกค้าอย่างต่อเนื่องเป็นรายเดือน เพราะอาจจะมีลูกค้าบางกลุ่มยังมีผลกระทบจากบางปัจจัยในบางช่วง เช่น ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นอาจส่งผลกระทบต่อกลุ่มลูกค้าส่งออกบ้าง แต่มองว่าจะยังไม่ส่งผลกระทบในทันที แต่อาจจะต้องใช้ระยะเวลา 3-6 เดือนจึงจะเห็นผลในลูกค้าบางราย ซึ่งธนาคารแนะนำให้ลูกค้าทำประกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน (Hedging) เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ผันผวน

ส่วนภาวะเศรษฐกิจไทยนั้น ธนาคารมองว่าได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วและเริ่มมีสัญญาณฟื้นตัวดีขึ้น แต่เป็นระยะสั้นเท่านั้น เพราะการฟื้นตัวขึ้นของเศรษฐกิจไทยในช่วงนี้มีปัจจัยหนุนมาจากการส่งออกที่ขยายตัวได้ดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ และมีกระแสเงินทุนไหลเข้าจากต่างชาติในตลาดหุ้น และมีกระแสเงินลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐ โดยเฉพาะโครงการระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) อีกทั้งสถานการณ์การเมืองที่มีเสถียภาพมากขึ้น ทำให้เห็นว่านักลงทุนมีความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจไทยมากขึ้น และเชื่อว่าจะเห็นการลงทุนของภาคเอกชนเพิ่มขึ้นในปี 61 ซึ่งจะทำให้ภาพรวมของเศรษฐกิจไทยเติบโตได้ดีกว่าปีนี้


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ