โบรกฯเชียร์"ซื้อ"SPALI คาดกำไรปีนี้ดีกว่าปีก่อนแม้หดตัวใน H1/60,มองบวกแจกวอร์แรนต์ชดเชยงดจ่ายปันผล

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday September 12, 2017 14:35 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

โบรกเกอร์ แนะนำ"ซื้อ"หุ้นบมจ.ศุภาลัย (SPALI) หลังคาดกำไรสุทธิปีนี้จะเติบโตกว่าปีก่อน แม้กำไรในช่วงครึ่งปีแรกจะหดตัวราว 29% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากช่วงครึ่งหลังของปีนี้คาดว่าจะมีรับรู้รายได้จากยอดขายรอโอน (Backlog) กว่า 1 หมื่นล้านบาท จากที่มีอยู่ทั้งหมด 3.7 หมื่นล้านบาท

ขณะที่ยังเตรียมเปิดโครงการใหม่อย่างต่อเนื่อง และที่ผ่านมาโครงการของบริษัทได้รับความนิยมจากผู้บริโภคค่อนข้างดี ทำให้ยอดขายเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางภาวะตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่ยังอยู่ระดับที่ดี แม้ตลาดระดับล่างจะมีโอเวอร์ซัพพลายบ้าง แต่ก็ไม่ใช่กลุ่มเป้าหมายของ SPALI ที่เน้นกลุ่มตลาดกลางถึงค่อนข้างสูง

ส่วนการที่ SAPLI จะออกใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญ (วอร์แรนต์) ครั้งที่ 4 หรือ SPALI-W4 จำนวนไม่เกิน 429.14 ล้านหน่วย ให้ฟรีแก่ผู้ถือหุ้นเดิมในอัตราส่วน 4 หุ้นเดิมต่อ 1 วอร์แรนต์ อายุ 1 ปี อัตรการใช้สิทธิ 1 วอร์แรนต์ต่อ 1 หุ้นใหม่ ที่ราคาหุ้นละ 4 บาท โดยจะขึ้นเครื่องหมาย XW วันที่ 18 ก.ย.นี้ มองว่ากรณีดังกล่าวจะเป็นบวกต่อผู้ถือหุ้น ซึ่ง SPALI ชดเชยให้ทดแทนการงดจ่ายปันผลในปีนี้ ด้วยอัตราการใช้สิทธิวอร์แรนต์ที่ค่อนข้างต่ำ ก็น่าจะจูงใจให้ผู้ถือหุ้นแปลงสภาพวอร์แรนต์ และทำให้ SAPLI จะมีเงินลงทุนเพื่อมารองรับการขยายงานในอนาคต

ราคาหุ้น SPALI ปิดเที่ยงวันนี้ที่ 25.75 บาท ลดลง 0.25 บาท (-0.96%) ขณะที่ SET +0.39%

          โบรกเกอร์                     คำแนะนำ                    ราคาเป้าหมาย (บาท/หุ้น)
          ธนชาต                          ซื้อ                           32.75
          ฟิลลิป (ประเทศไทย)              ทยอยซื้อ                        27.00
          บัวหลวง                         ซื้อ                           29.00
          แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์                 ซื้อ                           31.25
          กสิกรไทย                        ซื้อ                           29.00
          ยูโอบี เคย์เฮียนฯ                  ซื้อ                           28.00
          เมย์แบงก์ กิมเอ็งฯ                 ซื้อ                           29.00

นายนำชัย เตชะรัตนะวิโรจน์ หัวหน้าฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ กล่าวว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานของ SPALI ในปีนี้จะมีกำไรเติบโตราว 12-13% มาอยู่ที่ 5.5 พันล้านบาท แม้ในช่วงครึ่งแรกของปีนี้จะทำกำไรสุทธิได้ราว 2 พันล้านบาท ลดลง 29% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนก็ตาม แต่คาดว่าผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลังจะมีทิศทางที่ดีขึ้น จากการรับรู้รายได้จากการโอนโครงการมากขึ้น

ขณะที่ยอดขายโครงการใหม่ของ SPALI ได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้บริโภค โดยยอดพรีเซลโครงการในช่วงที่ผ่านมาเติบโตราว 29-30% หลังตลาดอสังหาริมทรัพย์ในไทยยังได้รับความสนใจสูง จากการทยอยเปิดโครงการใหม่ของผู้ประกอบการ และราคาที่ดินยังขยับสูงขึ้นแม้ในภาวะเศรษฐกิจยังไม่ได้เติบโตมากนัก อย่างไรก็ตาม แม้ตลาดอสังหาริมทรัพย์จะมีภาวะล้นตลาดในโครงการระดับล่าง แต่ก็ไม่ได้กระทบต่อ SAPLI เพราะเน้นกลุ่มลูกค้าระดีบระดับกลางถึงค่อนข้างสูง เช่นเดียวกับยอดถูกปฏิเสธสินเชื่อของโครงการก็ไม่ได้รับผลกระทบมากนัก เพราะส่วนใหญ่เป็นโครงการระดับล่าง

นอกจากนี้ การที่จะออก SPALI-W4 ให้ฟรีแก่ผู้ถือหุ้นนั้นเพื่อชดเชยการงดจ่ายเงินปันผลในงวดปี 60 นั้น มองว่าน่าจะเป็นผลบวกมากกว่า เพราะ SPALI น่าจะเตรียมนำเงินไปใช้ลงทุนเพื่อเตรียมรุกธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งคาดว่าผู้ถือหุ้นจะใช้สิทธิแปลงสภาพวอร์แรนต์ดังกล่าว เนื่องจากราคาการใช้สิทธิที่ระดับ 4 บาท/หุ้น นับว่าค่อนข้างต่ำเมื่อเทียบกับราคาหุ้น SPALI ในขณะนี้

"SAPLI เป็นหุ้นที่เราชอบตัวหนึ่ง เพราะช่วงที่ผ่านมาราคาลงเยอะเพราะประกาศงดจ่ายปันผล แต่ก็ได้ชดเชยผู้ลงทุนด้วยการออกวอร์แรนต์ ซึ่งน่าจะเป็นบวกมากกว่า เพราะน่าจะเตรียมเอาเงินที่ได้ไปทำโครงการ แสดงให้เห็นว่า SAPLI กำลังรุกธุรกิจอยู่ การออกวอร์แรนต์ครั้งนี้มีราคาใช้สิทธิต่ำมาก ก็น่าจะมีคนใช้สิทธิทำให้เป็นการเพิ่มทุนโดยปริยาย ส่วน Dilution ก็ไม่เยอะ"นายนำชัย กล่าว

บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ว่า หุ้น SPALI ปรับลดลงมากหลังจากที่ประกาศงดจ่ายปันผลในปีนี้ ทำให้มาอยู่ในระดับที่น่าจะสนใจเข้าซื้อได้ จากการที่ผู้ถือหุ้นจะได้รับวอร์แรนต์ฟรี โดยแนะนำ"ซื้อ"ก่อนที่จะขึ้นเครื่องหมาย XW ในวันที่ 18 ก.ย.นี้ เนื่องจากมองว่าจะมี Upside ราว 31% สำหรับราคาเป้าหมายหลัง XW ที่ 27 บาท

ขณะที่คาดว่ากำไรสุทธิ/หุ้น (EPS) เติบโต 13.5% ในปี 60 และ 10.8% ในปี 61 ด้านอัตราตอบแทนปันผลคิดเป็น 5.6% ในปี 61 และ 6.1% ในปี 62 เทียบกับ PE 7.0 เท่า ในปี 61 และ 6.5 เท่า ในปี 62 นอกจากนี้ SPALI ยังมีพื้นฐานที่แข็งแรงจากยอดพรีเซล และยอดขายรอโอนในมือ ซึ่งจะช่วยผลักดันกำไรให้ทำจุดสูงสุดใหม่ได้ใน 60-63

ทั้งนี้ ยอดพรีเซลในช่วงครึ่งแรกปีนี้เติบโตอย่างแข็งแกร่ง 29% มาที่ 1.33 หมื่นล้านบาท และในช่วง 8 เดือนแรกปีนี้เพิ่มขึ้นเป็น 1.89 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 21% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน คิดเป็น 70% ของเป้าหมายปีนี้ที่ 2.7 หมื่นล้านบาท โดยยอดพรีเซลในเดือน ก.ค. และเดือน ส.ค.เติบโตมากกว่าอัตราเฉลี่ยต่อเดือนในช่วงครึ่งปีแรก เพราะมีอัตราจองที่ 60% หรือ 4.4 พันล้านบาทสำหรับ ศุภาลัย เวอเรนด้า สถานีภาษีเจริญ และเนื่องจากจะมีคอนโดมิเนียม 3 โครงการใหม่ที่จะเปิดในเดือน ก.ย. และบ้านเดี่ยวอีก 18 โครงการ มูลค่า 1.16 หมื่นล้านบาทในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ ทำให้จะมี Upside ต่อประมาณการพรีเซลในปีนี้

ขณะเดียวกันในด้านโครงการร่วมทุน (JV) ในออสเตรเลียเริ่มมีทิศทางที่ดีขึ้น โดยได้ปรับประมาณการ Equity Income จาก JV ในออสเตรเลีย ขึ้นเป็น 300 ล้านบาท/ปีในปี 60-62 จากเดิม 100 ล้านบาท/ปี เนื่องจากมีกำไรจาก JV ที่สูงกว่าคาดที่ 172 ล้านบาทในช่วงครึ่งแรกปีนี้ เทียบกับระดับ 80 ล้านบาทในปีที่แล้ว และส่วนแบ่งขาดทุน 17 ล้านบาทในปี 58 โดยการลงทุนได้เริ่มในปี 57 ก่อนที่จะมี 5 JV ในปัจจุบัน โดย SAPLI ถือหุ้นราว 25-50% โดย JV จำนวน 3 จาก 5 โครงการสามารถสร้างผลกำไรได้แล้ว และ JV โครงการที่ 5 นั้นมีกำไรทันทีหลังจากที่ลงทุนตั้งแต่ 13 ก.ย.59

ขณะที่บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า สถานะยอดขายรอโอนของ SPALI ณ สิ้นไตรมาส 2/60 อยู่ที่ 3.74 หมื่นล้านบาท มีกำหนดโอนครึ่งหลังของปีนี้ และปี 61 ที่ระดับ 1.03 หมื่นล้านบาท และ 1.08 หมื่นล้านบาทตามลำดับ ทั้งนี้ ยอดโอนในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ ทำได้แล้ว 9.5 พันล้านบาท ทำให้มียอดโอนปี 60 อยู่ในมือแล้ว 1.98 หมื่นล้านบาท ส่วนที่เหลืออีก 3 พันล้านบาทน่าจะทำได้จากยอดจองแนวราบในครึ่งหลังของปีนี้ โดยคาดยอดโอนทั้งปีนี้จะอยู่ที่ 2.26 หมื่นล้านบาท

SPALI มียอดรอโอนปีหน้าแล้ว 1.08 หมื่นล้านบาท อีกทั้งมียอดจองแนวราบที่ดีราว 1.5-1.6 หมื่นล้านบาท ทำให้เป้าโอนปี 61 อยู่ที่ 2.72 หมื่นล้านบาท เติบโต 20% นับเป็นระดับที่น่าจะทำได้ไม่ยาก ขณะที่คาดการบริหารมาร์จิ้นที่ดีขึ้นจะช่วยให้กำไรปี 61 เพิ่ม 24% แต่หากรวมการคาดหมายการใช้สิทธิ SPALI-W4 ที่มีราคาใช้สิทธิต่ำมากแค่ 4 บาท/หุ้น ทำให้มี Dilution กระทบต่อกำไรต่อหุ้นเพิ่มแค่ 6%

ส่วนบทวิเคราะห์ บล.บัวหลวง ระบุว่ากำไรหลักของ SPALI ในช่วงครึ่งแรกของปี 60 คิดเป็น 38% ของประมาณการกำไรปี 60 โดยยังคงประมาณการกำไรหลักเติบโตที่ 10% สำหรับปี 60 และ 61 เนื่องจากยอดขายรอโอนในปลายเดือนมิ.ย. รับประกันอยู่ที่ 81% ของประมาณการรายได้ที่อยู่อาศัยปี 60 และอยู่ที่ 41% สำหรับปี 61

อย่างไรก็ตาม ยังไม่ได้สะท้อนการลดลงของ EPS จาก SPALI-W4 ที่หากมีการแปลงสภาพเป็นหุ้นทั้งจำนวน 429 ล้านหุ้น เข้าไปในประมาณการ โดยประมาณการเบื้องต้นว่าการใช้สิทธิวอร์แรนต์ทั้งหมดจะทำให้ EPS ลดลง 18% ในปี 61 แต่ไม่มีผลกระทบ EPS ในปี 60 ที่คาดอยู่ที่ 3.13 บาท เพิ่มขึ้น 10%

บัวหลวง มองว่าราคาหุ้น SPALI มีความเป็นไปได้จะฟื้นตัวก่อนการขึ้นเครื่องหมาย XW ในวันที่ 18 ก.ย.เนื่องจากประมาณการมูลค่า SPALI-W4 ที่อย่างน้อย 17-18 บาท/หุ้น หรือ 3.4-3.6 บาท/หุ้นสำหรับผู้ถือหุ้นในปัจจุบันนับมีมูลค่าที่น่าสนใจ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ